Abstract:
วิธีการศึกษา : เป็นการศึกษาแบบ randomized controlled trial (RCT) ในผู้ป่วยที่ต่อเครื่องช่วยหายใจมากกว่า 48 ชั่วโมง ผ่านการฝึกหายใจด้วยวิธี spontaneous breathing trial (SBT) และมีแรงไอไม่เพียงพอ ผู้ป่วยจะถูกแบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มควบคุม (control group) และกลุ่มที่ใช้เครื่องช่วยไอ (MI-E group) กลุ่มที่ใช้เครื่องช่วยไอจะใช้ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังถอดท่อช่วยหายใจ ทั้งสองกลุ่มจะได้รับการรักษาอื่นๆตามมาตรฐาน ผลการศึกษาหลักคืออัตราการใส่ท่อช่วยหายใจใหม่ภายใน 48 ชั่วโมงหลังถอดท่อช่วยหายใจ ผลการศึกษารองคือการเปลี่ยนแปลงระดับออกซิเจนในเลือด การเปลี่ยนแปลงของแรงไอ การใช้ noninvasive ventilator (NIV) และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมง
ผลการศึกษา: ผู้ป่วยจำนวน 49 คนที่เข้าการศึกษา 26 คนในกลุ่ม MI-E และ 23 คนในกลุ่มควบคุม มีผู้ป่วย 2 คนจากกลุ่ม MI-E ที่ได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจใหม่ ผู้ป่วยในกลุ่ม MI-E มีความแตกต่างของค่า P/F ratio ในช่วง 24 และ 48 ชั่วโมงหลังถอดท่อช่วยหายใจอยู่ที่ 21.36±65.75 mmHg ในกลุ่ม MI-E และ 2.07±51.7 mmHg ในกลุ่มควบคุม (p= 0.267) ค่า CPF ที่ 48 ชั่วโมงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่ม MI-E เท่ากับ 8.24±17.41 LPM และ 0±44.85 LPM ในกลุ่มควบคุม (p= 0.483) ไม่พบการเกิด adverse events ในทั้งสองกลุ่ม
สรุปผลการวิจัย: การใช้เครื่องช่วยไอหลังถอดท่อช่วยหายใจไม่สามารถป้องกันการเกิด reintubation แต่อาจทำให้ระดับออกซิเจนและแรงไอเพิ่มขึ้นได้ในช่วง 48 ชั่วโมงหลังถอดท่อช่วยหายใจโดยไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน