DSpace Repository

โมเดลเชิงสาเหตุของความก้าวร้าวและการศึกษาคลื่นสมองของผู้ที่กระทำผิดซ้ำและคนปกติ

Show simple item record

dc.contributor.advisor อภิชญา ไชยวุฒิกรณ์วานิช
dc.contributor.advisor วรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์
dc.contributor.author นฤมล อินทหมื่น
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะจิตวิทยา
dc.date.accessioned 2020-11-11T11:48:07Z
dc.date.available 2020-11-11T11:48:07Z
dc.date.issued 2562
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/69644
dc.description วิทยานิพนธ์ (ศศ.ด.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2562
dc.description.abstract        งานวิจัยครั้งนี้มี 2 ตอน คือ การวิจัยสำรวจ และการวิจัยทดลอง วัตถุประสงค์ของการวิจัยตอนแรก เป็นการวิจัยเชิงสำรวจเพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความก้าวร้าวในเพศชายระหว่างกลุ่มคนทั่วไปที่ไม่ได้กระทำผิด (n = 240) และกลุ่มผู้ต้องขังชายที่กระทำผิดซ้ำในคดีรุนแรง (n = 200) โดยมีลักษณะไร้อารมณ์เป็นตัวแปรส่งผ่าน และตอนต่อมาเป็นการทดลองด้วยการบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อเปรียบเทียบความสูงของคลื่น P300 ขณะทำภาระงานทั้ง 3 ชิ้น ในเงื่อนไขสิ่งเร้าที่เป็นเป้าหมายระหว่างกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้กระทำผิดซ้ำ (n = 22) และกลุ่มที่กระทำผิดซ้ำ (n = 21)        การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของโมเดลความก้าวร้าวในการศึกษาที่ 1 พบว่า ชนิดของกลุ่มตัวอย่างมีอิทธิพลทางบวกต่อความก้าวร้าว โดยมีลักษณะไร้อารมณ์เป็นตัวแปรส่งผ่าน และการศึกษาที่ 2 ซึ่งเปรียบเทียบความสูงของคลื่น P300 ที่มีต่อสิ่งเร้าเป้าหมายบริเวณ Pz พบว่าทั้ง 3 ภาระงาน ภาระงานที่เป็นตัวอักษร ‘A’ ภาพที่มีเนื้อหารุนแรง และภาพสัตว์ที่น่าพึงพอใจ พบว่ากลุ่มที่กระทำผิดซ้ำมีความสูงของคลื่น P300 ที่เล็กกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กระทำผิดซ้ำในทุกสิ่งเร้าเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อีกทั้งความสูงของคลื่น P300 ยังเป็นตัวแปรส่งผ่านระหว่างลักษณะไร้อารมณ์และความก้าวร้าวอีกด้วย โดยกลุ่มที่กระทำผิดซ้ำมีความก้าวร้าวทางร่างกาย ความไม่สนใจ และความไม่เห็นใจ มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กระทำผิดซ้ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
dc.description.abstractalternative        This research had conducted in two studies, survey and experimental studies. The purpose of the first study was to examine the causal model of male aggression compared between normal people (n = 240) and violent inmate-recidivists (n = 200), with callous-unemotional traits as the mediator of model. The purpose of the second study was to compare P300 ERP between non-recidivists (n = 22) and recidivists (n = 21). Both recidivists and non-recidivists were undergone EEG recording while conducting the three series of tasks. The target ERP generated in these tasks were the P300 wave.        On causal relationship model, the structural equation modeling analysis reveals that the type of sample has positive effect on aggression directly and indirectly through callous-unemotional traits. For the experiment study, the recidivists show significantly smaller P300 ERP at Pz than the non-recidivists in responding to the target stimuli in three series of tasks (1) letter ‘A’ (2) violent pictures and (3) animal pictures. The structural equation modeling analysis reveals that P300 amplitude mediate the association between callous-unemotional traits and aggression. In addition, the recidivists have significantly higher scores of physical aggression, uncaring and callousness than the non-recidivists.
dc.language.iso th
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.relation.uri http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2019.766
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.subject.classification Psychology
dc.title โมเดลเชิงสาเหตุของความก้าวร้าวและการศึกษาคลื่นสมองของผู้ที่กระทำผิดซ้ำและคนปกติ
dc.title.alternative The causal model of aggression and brain wave study of recidivists and normal people
dc.type Thesis
dc.degree.name ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต
dc.degree.level ปริญญาเอก
dc.degree.discipline จิตวิทยา
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.subject.keyword ความก้าวร้าว
dc.subject.keyword คลื่นสมอง
dc.subject.keyword การบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมอง
dc.subject.keyword การกระทำผิดซ้ำ
dc.subject.keyword ผู้ต้องขังชาย
dc.subject.keyword ลักษณะไร้อารมณ์
dc.subject.keyword aggression
dc.subject.keyword callous-unemotional traits
dc.subject.keyword brainwaves
dc.subject.keyword EEG
dc.subject.keyword ERP
dc.subject.keyword oddball paradigm
dc.subject.keyword P300
dc.subject.keyword P3
dc.subject.keyword recidivism
dc.subject.keyword male inmate
dc.identifier.DOI 10.58837/CHULA.THE.2019.766


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record