Abstract:
คำอธิบายทางตำรากฎหมายลักษณะหนี้เห็นว่าสัญญาเช่าก่อเพียงบุคคลสิทธิอาจเรียกร้องเอาจากตัวผู้ให้เช่าที่เป็นคู่สัญญาได้เท่านั้น ในขณะที่มุมมองในเชิงกฎหมายลักษณะทรัพย์มองว่าการที่ผู้เช่าได้ใช้หรือได้รับประโยชน์เหนือทรัพย์สินที่เช่าถือว่าผู้เช่ามีเจตนายึดถือทรัพย์ที่เช่าเพื่อตนจึงมีสิทธิครอบครองซึ่งตามกฎหมายไทยแล้วถือเป็นทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่ง และในขณะเดียวกันผู้เช่าถือเป็นผู้ยึดถือแทนผู้ให้เช่าด้วย อย่างไรก็ตาม บางตำรากฎหมายทรัพย์สินก็อธิบายไว้ว่าผู้ยึดถือแทนไม่อาจมีเจตนาในการยึดถือเพื่อตนได้ นอกจากนี้ ยังปรากฏว่าแนวทางคำวินิจฉัยของศาลยังไม่สอดคล้องกันในเรื่องสิทธิของผู้เช่า ตามหลักกฎหมายโรมัน บุคคลจะต้องยึดถือทรัพย์อย่างเอาเป็นเด็ดขาดแก่ตนเองโดยไม่เคารพสิทธิของบุคคลอื่นจึงจะมีการครอบครอง ผู้เช่าจึงไม่มีการครอบครอง หากผู้เช่าได้รับความเดือดร้อนจากบุคคลภายนอก ผู้เช่าอาจเรียกร้องจากผู้ให้เช่าสัญญา ในขณะที่กฎหมายเยอรมัน บุคคลที่มีการควบคุมที่แท้จริงเหนือทรัพย์ก็มีการครอบครองแล้ว ผู้เช่าจึงเป็นผู้ครอบครอง ผู้เช่ามีสิทธิเรียกร้องได้ทั้งต่อผู้ให้เช่าและบุคคลภายนอก นอกจากนี้ ในหลักการ Direct-indirect Possession กฎหมายเยอรมันยังรองรับให้ผู้ให้เช่ามีการครอบครองด้วยโดยเป็นการครอบครองโดยอ้อม ในขณะที่ในกฎหมายไทยไม่ได้มีหลักการดังกล่าว จะเห็นได้ว่า การปรับใช้กฎหมายของนักกฎหมายไทยต่อกรณีการครอบครองโดยบุคคลหลายฝ่ายในทรัพย์รายเดียวในบริบทของสัญญาเช่าทรัพย์ยังไม่เป็นระบบ ผู้เขียนจึงเห็นว่าควรนำแนวคิดและทฤษฎีที่ปรากฎอยู่ในกฎหมายโรมันในฐานะที่เป็นต้นแบบของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทยมาอธิบายการครอบครองตามกฎหมายไทยเพื่อความสอดคล้องกับแนวคิดและทฤษฎีกฎหมายและทำให้การปรับใช้กฎหมายมีความเป็นระบบนั่นเอง