Abstract:
สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กมีที่มาจากหลายปัจจัย อาทิ การพัฒนาทางเศรษฐกิจ ปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ในช่วงไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2019 กรุงเทพมหานครถูกปกคลุมโดยฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นจำนวนมากหรือที่รู้จักกันในชื่อฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ผู้ที่อยู่อาศัยในเขตตัวเมืองต่างได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพและการลดลงของรายได้ แม้ว่าทางรัฐบาลไทยได้มีการประกาศใช้มาตรการต่าง ๆ ในการรับมือกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ประชากรกลุ่มเสี่ยงที่ซึ่งได้รับผลกระทบเป็นส่วนใหญ่กลับถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ได้รับความสำคัญ ในบริบทนี้ การบังคับใช้มาตรการที่ดีนั้นไม่ควรมุ่งเน้นที่การลดจำนวนฝุ่นละอองขนาดเล็กเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่กลุ่มประชากรอาจได้รับจากมาตรการเหล่านั้นด้วย การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างมาตรการของรัฐในการควบคุมปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กและความเสี่ยงต่าง ๆที่ส่งผลกระทบต่อประชากรกลุ่มเสี่ยงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในการทำความเข้าใจความซับซ้อนของปัญหานั้น ผู้จัดทำได้ใช้วิธีการศึกษาแบบข้ามสาขาวิชา ผ่านทฤษฎี “สังคมแห่งความเสี่ยง” และทฤษฎี “ความเหลื่อมล้ำทางสิ่งแวดล้อม” โดยใช้วิธีการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม การสัมภาษณ์แบบเชิงลึกกับกลุ่มตัวอย่างที่หลากหลาย และการสืบค้นข้อมูลจากเอกสารในการรวบรวมองค์ความรู้เพื่อหาข้อสรุป จากการศึกษาพบว่าสถานการณ์ของฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีสาเหตุการเกิดหลักจากการคมนาคม มาตรการการป้องกันและการลดฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนที่บังคับใช้โดยรัฐ โดยมากแล้วเป็นการป้องกันปัญหาระยะสั้น ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การลดกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างมากกว่าการให้ความสำคัญกับการป้องกันระยะยาว เช่น การปรับปรุงคุณภาพของเครื่องยนต์และเชื้อเพลิง เป็นต้น นอกจากนี้จากการศึกษากลุ่มประชากรตัวอย่างพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อความไม่เท่าเทียมในการเผชิญกับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ประกอบไปด้วย ภาระทางการเงิน มาตรการของรัฐที่อิงกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม ราคาของอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นละออง การเข้าถึงแหล่งที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและความสามารถในการเข้าถึงการบริการของภาครัฐ รวมถึงแหล่งข้อมูลที่จำเป็น