DSpace Repository

การออกแบบเรขศิลป์สำหรับผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ของชุมชนทอผ้าฝ้ายลาวครั่ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี โดยใช้กลยุทธ์การตลาดโชคลาง

Show simple item record

dc.contributor.advisor ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์
dc.contributor.author เลอลักษณ์ ศรีเกษมศิรา
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะศิลปกรรมศาสตร์
dc.date.accessioned 2021-09-21T06:06:18Z
dc.date.available 2021-09-21T06:06:18Z
dc.date.issued 2563
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/76011
dc.description วิทยานิพนธ์ (ศป.ด.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563
dc.description.abstract การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ภูมิปัญญาผ้าฝ้ายลาวครั่งของอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เพื่อใช้ในการออกแบบเรขศิลป์สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี 2) เพื่อพัฒนาตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ของอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี โดยใช้กลยุทธ์มหาสมุทรสีคราม (Blue Ocean Strategy) 3) เพื่อหาแนวทางการออกแบบเรขศิลป์ โดยใช้กลยุทธ์การตลาดโชคลาง (Superstitious Marketing Strategy) การดำเนินการวิจัยใช้วิธีแบบผสมผสาน (Mixed Methodology) โดยนำด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ด้วยการเก็บข้อมูลโดยการลงพื้นที่ชุมชนทอผ้าฝ้ายลาวครั่ง ด้วยวิธีสังเกตการณ์ การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) จัดสนทนากลุ่ม (Focus Group) รวมถึงใช้วิธีเดลฟายประยุกต์ (Delphi) จากเจ้าพนักงานพัฒนาชุมชนชำนาญงาน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี 1 ท่าน ผู้ให้ข้อมูลหลัก (Key Informant) 1 ท่าน และผู้รู้ด้านผ้าฝ้ายลาวครั่งในชุมชนทอผ้าฝ้ายลาวครั่ง อำเภอบ้านไร่ 23 ท่าน และยังสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นนักออกแบบที่มีประสบการณ์สูงและมีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างตราสินค้าและการทำตลาด 3 ท่าน ที่ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และการอ้างอิงแบบต่อเนื่อง (Snowball Sampling) และเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ดดยอาศัยแบบสอบถาม 3 ชุด ที่ผ่านการประเมินค่าความสอดคล้องของข้อคำถามในแบบสอบถามกับวัตถุประสงค์การวิจัย  หรือ Index of item-objective Congruence (I.O.C) ด้วยค่า 0.64, 0.90, 1.0 ตามลำดับ ไปเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างซึ่งคือกลุ่มเจเนอเรชันวายไทยที่เกิดปี พ.ศ. 2525-2538 ที่ได้มาจากการเลือโดยบังเอิญ (Accident Sampling) และการอ้างอิงแบบต่อเนื่อง โดยใช้วิธีกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างด้วยตารางสำเร็จรูปของ Yamane (1967) เมื่อไม่ทราบจำนวนประชากรที่ระดับความเชื่อมั่น 95% คือจำนวน 400 คน และเก็บได้สมบูรณ์ในเวลาที่กำหนด จำนวน 133 คน สำหรับแบบสอบถามชุดที่ 1 (เพื่อโหวตเลือกชื่อตราสินค้า) จำนวน 210 คน สำหรับแบบสอบถามชุดที่ 2 (เพื่อโหวตเลือกแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์) และจำนวน 214 คน สำหรับแบบสอบถามชุดที่ 3 (เพื่อโหวตเลือกตราสัญลักษณ์) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการสังเคราะห์ข้อมูลโดยจำแนกให้เป็นหมวดหมู่และนำข้อมูลมาถอดความเพื่อนำมาใช้ในการออกแบบผลงานศิลปะ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณทำโดยการหาค่าทางสถิติเชิงบรรยาย (ความถี่ ร้อยละ) พบว่า ภูมิปัญญาผ้าฝ้ายลาวครั่งของอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เพื่อใช้ในการออกแบบเรขศิลป์ สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ได้แก่ 1) ลวดลายจกของผ้าฝ้ายลาวครั่งใน 3 หมวดหมู่ที่เป็นเครื่องรางและสิริมงคล และ 2) กลุ่มสีสันฟลูออเรสเซนต์ งานวิจัยนี้ยังได้คำตอบของผลิตภัณฑ์และกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของชุมชนทอผ้าฝ้ายลาวครั่ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ที่นำมาเป็นข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์หากลุ่มเป้าหมายใหม่ และในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ใหม่ซึ่งเป็นการพัฒนาตลาดใหม่ให้กับชุมชนทอผ้าฝ้ายลาวครั่ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ตามแนวทางของกลยุทธ์มหาสมุทรสีคราม สำหรับผลคำตอบเรื่องแนวทางการออกแบบเรขศิลป์โดยใช้กลยุทธ์การตลาดโชคลาง ได้แก่ การออกแบบชื่อตราสินค้าใหม่ การกำหนด 6 องค์ประกอบในการสร้างตราสินค้า การออกแบบผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ การออกแบบตราสัญลักษณ์ และการออกแบบภาพกราฟิกที่สื่อสารอัตลักษณ์ (Identity Graphic) งานออกแบบทั้งหมดนี้ใช้แนวคิดรวบยอดของการออกแบบ (Design Concept) เรื่องความเชื่อโชคลาง ซึ่งมีที่มาจากกลยุทธ์การตลาดโชคลางซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของงานวิจัยนี้ องค์ความรู้ใหม่ที่พบคือ "แนวทางเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่มีรากวัฒนธรรมเพื่อชุมชน โดยใช้แนวคิดจากภูมิปัญญาวัฒนธรรมท้องถิ่นและแนวโน้มความนิยมของตลาด" ผู้ประกอบการในชุมชนอื่น ๆ ที่มีภูมิปัญญาพื้นถิ่นของวัฒนธรรมอื่น ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ดี โดยการนำองค์ความรู้ใหม่ไปใช้กับชุมชนให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยกระบวนการที่ชาวชุมชนให้ความร่วมมือต่อการทำวิจัย (Community Participation Process) (Disatapundhu and others. 2019) 3 ขั้นตอนหลัก เรียงตามลำดับ ได้แก่ 1) การมีทัศนคติที่ดีและเปิดรับต่อการพัฒนาใหม่ ๆ (Attitude) 2) การมีความเข้าใจและพร้อมที่จะเรียนรู้ไปด้วยกัน (Understanding and Knowledge) และ 3) ผู้วิจัยและชาวชุมชนได้มีประสบการณ์ในการพัฒนาร่วมกัน (Hands-on experiences)
dc.description.abstractalternative The purposes of this research were to 1) study and analyze Laos-Krang cotton wisdom of Banrai District, Uthai-Thani Province,  to use in graphic design for new lifestyle products; 2) expand a new market for new lifestyle products, by using Blue Ocean Strategy; 3) explor guidelines for graphic design using Superstitious Marketing Strategy. The samples were composed of one community  Development Officer specializing in Banrai District, Uthai-Thani Province; one Key Informant, 23 Laos-Krang cotton weaving group leaders in Banrai District, Uthai-Thani Province; three highly experienced designers with expertise in branding and Marketing (by means of Purposive and Snowball Sampling), and a target group, Thai Generation Y (by means of Accident and Snowball Sampling). The sample size of 400 Thai Generation Y for earch of three questionnaires was determined by using Yamane's formula of sample size with a confidence coefficient of 95% (Yamane, 1967); and 133, 210, and 214 samples for first, second and third questionnaires were completely collected respectively over the specified period of time. The research was conducted using Mixed Methodology, led by Qualitative research and followed by Quantitative Research. The Qualitative data were collected by  field researches, applied Delphi methods, in-depth interview, focus group, discussions, observations and photographing; and were analyzed and synthesized by categorizing the findings for use as design elements. Furthermore, the research instruments used in collecting the Quantitative data were three I.O.C. assessed questionnaires with the scores 0.64, 0.90, and 1.0 in order. These questionnaires were for a target group, Thai Generation Y (born between 1982-1995), to vote for the final brand name, the final product design direction, and the final logo separately. The quantitative data were analyzed by using the descriptive  statistics of arithmetic mean and standard deviation. Moreover, the three sets of research results answering the three research objectives were as follows: Firstly, Laos-Krang Cotton wisdom of Banrai District, Uthai-Thani Province, for use in graphic design for new lifestyle product design were 1) the three categories of Jok pattern corresponding to the superstition, and 2) the fluorescent color scheme of Jok pattern. Next, follow the guidelines for graphic design using  superstitious marketing strategies. However, the key point of this research was a new body of knowledge including a guideline for the development of community cultural Lifestyle product using concepts of local culture wisdom and markrting trend, which can be used as a guideline for entrepreneurs in Southease Asia including Thailand, to apply for their communities with indigenous wisdom of other cultures. Last but not  least, the successfull  application  of the new body of knowledge to any community requires a Community Participation Process (Disatapundhu and others. 2019) in three main steps respectively, which are 1) Attitude, 2) Understanding and Knowledge and 3) Hands-on experiences.
dc.language.iso th
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.relation.uri https://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2020.548
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.subject การออกแบบกราฟิก
dc.subject การออกแบบผลิตภัณฑ์
dc.subject Graphic design
dc.subject Product design
dc.subject.classification Arts and Humanities
dc.title การออกแบบเรขศิลป์สำหรับผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ของชุมชนทอผ้าฝ้ายลาวครั่ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี โดยใช้กลยุทธ์การตลาดโชคลาง
dc.title.alternative Graphic design for lifestyle products of Laos-Krang cotton weaving community, Banrai district, Uthai-Thani province by using superstitious maketing strategy
dc.type Thesis
dc.degree.name ศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต
dc.degree.level ปริญญาเอก
dc.degree.discipline ศิลปกรรมศาสตร์
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.identifier.DOI 10.58837/CHULA.THE.2020.548


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

  • Fine Arts - Theses [876]
    วิทยานิพนธ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์

Show simple item record