Abstract:
งานวิจัยเรื่อง “ทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อเนื้อหาบนเฟซบุ๊กแฟนเพจกับการตัดสินใจซื้อสินค้าในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในช่วงการระบาดของไวรัส Covid-19” เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามออนไลน์ โดยเลือกเก็บข้อมูลเฉพาะกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจที่เป็นทางการของลาซาด้า ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิรซ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Lazada.co.th, 2563) จำนวน 216 คน ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2563
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ (ร้อยละ 53) เป็นเพศหญิง สถานภาพโสด มีช่วงอายุระหว่าง 26-30 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรี ประกอบอาชีพรับราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 15,000 - 25,000 บาท ทัศนคติที่มีต่อเนื้อหาสาร และการจัดการภาวะวิกฤตของลาซาด้า ประเทศไทยบนสื่อสังคมออนไลน์บนเฟซบุ๊กแฟนเพจที่เป็นทางการของลาซาด้าในเชิงบวกทั้งหมด ในด้านของการออกแบบสาร กลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติในเชิงบวก กล่าวคือเนื้อหาที่นำเสนอในเฟซบุ๊กแฟนเพจนั้นมีภาพประกอบสวยงาม สะดุดตา ชวนมอง มีเอกลักษณ์และความเป็นต้นฉบับของตนเอง เป็นเชิงบวกเช่นกัน ทำให้เกิดความต้องการที่จะซื้อสินค้าออนไลน์ได้ สำหรับการตัดสินใจซื้อพบว่า มีการแนะนำให้ผู้อื่นซื้อสินค้าออนไลน์จากลาซาด้ามากที่สุด รองลงมาคือมักจะหาข้อมูลสินค้าจากแหล่งข้อมูลอื่นๆก่อนการซื้อทุกครั้ง และพบว่าในอนาคตมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากลาซาด้า
จากการทดสอบสมมติฐานพบว่า ทัศนคติของผู้บริโภคต่อเนื้อหาบนเฟซบุ๊กมีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจซื้อสินค้าจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซในช่วงการระบาดของไวรัส Covid-19 เชิงบวกในระดับสูง
เพราะฉะนั้น ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการทำเนื้อหาบนเฟซบุ๊กแฟนเพจถ้าหากกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงตามลักษณะประชากรที่กล่าวมาข้างต้น ควรเน้นการทำเนื้อหาที่มีความแปลกใหม่ ใกล้เคียงกับความเป็นจริงหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง ภาพประกอบสวยงาม มีเอกลักษณ์ และมีความเป็นต้นฉบับของตนเอง เนื้อหาควรมีส่วนช่วยให้ระลึกถึงสินค้าและบริการที่จำเป็นในช่วงนั้นได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งหากเกิดภาวะวิกฤตอย่างเช่นโรคระบาด ต้องสื่อสารด้วยความรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และนำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และสร้างคุณค่าต่อกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย