DSpace Repository

การเมืองในสถาปัตยกรรมรัฐสภาไทย

Show simple item record

dc.contributor.advisor บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
dc.contributor.author อรณัฐ ปิยะจารุวัฒน์
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะรัฐศาสตร์
dc.date.accessioned 2021-09-21T06:35:29Z
dc.date.available 2021-09-21T06:35:29Z
dc.date.issued 2563
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/76386
dc.description วิทยานิพนธ์ (ร.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563
dc.description.abstract งานวิจัยนี้เป็นการศึกษานัยทางการเมืองที่ปรากฏและแฝงตัวอยู่ภายในสถาปัตยกรรมของอาคารรัฐสภาไทย โดยมุ่งศึกษาไปที่อาคารรัฐสภาสัปปายะสภาสถานซึ่งเป็นอาคารรัฐสภาแห่งที่สามของประเทศ เพื่อตอบคำถามงานวิจัยว่า อาคารรัฐสภาไทยมีแนวคิดในการออกแบบ ความเป็นมาในการจัดตั้ง และความหมายทางการเมืองไทยอย่างไร  โดยอาศัยการตีความผ่านหนังสือ เอกสารงานวิจัย และข่าวที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ทั้งในแง่ของแนวคิด การเลือกพื้นที่ และการเลือกแบบในการก่อสร้างของอาคารรัฐสภาไทย ผลการวิจัยประการแรกพบว่า สถาปัตยกรรมของอาคารราชการ โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมอาคารรัฐสภาไทยมีนัยยะสำคัญที่สื่อถึงความไม่เท่ากันของอำนาจทางการเมืองระหว่างรัฐและประชาชนผ่านการออกแบบและสถาปัตยกรรม ประการที่สอง พระที่นั่งอนันตสมาคมซึ่งเป็นอาคารที่เดิมถูกออกแบบไว้สำหรับการจัดพระราชพิธีและรับรองพระราชอาคันตุกะ ตกแต่งด้วยภาพวีรกรรมของบูรพกษัตริย์ ก็กลายเป็นสถานที่ซึ่งจัดพระราชทานรัฐธรรมนูญ อันเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ  ขณะที่อาคารรัฐสภาแห่งที่สองถูกก่อสร้างในช่วงที่ประเทศถูกปกครองด้วยรัฐบาลทหารอย่างยาวนาน สถาปัตยกรรมแบบทันสมัยของอาคารเป็นการสื่อถึงการเป็นประเทศที่ทันสมัยไปพร้อมกับการเบ่งบานของประชาธิปไตย ประการสุดท้าย อาคารรัฐสภา ‘สัปปายะสภาสถาน’ เป็นอาคารรัฐสภาที่ถูกทีมสถาปนิกออกแบบภายใต้แนวคิดเรื่องคุณค่าทางศีลธรรมจากการเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ผ่านการออกแบบด้วยคติพุทธ-พราหมณ์ และเรื่องไตรภูมิ อันเป็นรูปแบบจักรวาลวิทยาที่มีพระอาทิตย์และพระจันทร์โคจร บนยอดของอาคารมีเจดีย์พระจุฬามณีเป็นที่ประดิษฐานพระสยามเทวาธิราช แนวความคิดและการออกแบบเหล่านี้เป็นการออกแบบที่มุ่งสร้างศีลธรรมและการอุปถัมภ์จากเทพผู้คุ้มครองรัฐสยาม เพราะทีมสถาปนิกมองว่าปัญหาทางการเมืองเกิดจากนักการเมืองและประชาชนขาดศีลธรรม การเลือกเขาพระสุเมรุมาสร้างเป็นอาคารจะเป็นการทำให้เหล่าผู้ทำงานภายในอาคารระลึกถึงการทำหน้าที่ของตนเพื่อคนในชาติภายใต้การอุปถัมภ์จากเทพผู้คุ้มครองรัฐสยาม แต่ในอีกด้านหนึ่งพระสยามเทวาธิราชก็แสดงถึงการที่จัดให้สถาบันกษัตริย์เป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงที่สุดในจักรวาลวิทยาแบบไทยเหนือคุณค่าของประชาธิปไตยแบบตะวันตก
dc.description.abstractalternative This research focuses on the architecture of the "Sappaya Saphasathan, including other Thai National Assembly Buildings, and their political meanings. The objective of this study is to understand architecture through the political history of the National Assembly Buildings, both Parliament and Senate, and its political meanings. This research uses qualitative methods by looking at documents and evidence related to the history and style of the constructions, conceptual designs, and sites. The findings point out that, firstly, most of the governmental offices, especially Thai Parliament Buildings, have significant political implications in the ways in which they convey asymmetric power relations between the state and people through designs and architectural styles. Secondly, the research highlights the history of Parliament buildings that are focal points of political incidents. Ananta Samakhom Throne Hall, designed and decorated to host royal guests, cherished with great historical moments of Siamese royals, became the place to hold the royal constitution granting ceremony. The throne hall is the site of transition from absolute monarchy to a constitutional monarchy. While the second parliament building was built under a long period of military rules. Thus, its modern architectural style focused on modern architecture to celebrate Thailand as a modern country with ‘blooming democratic values’. Lastly, Sappaya Saphasathan is designed under the concept that the National Assembly should be a moral space to contemplate politics without conflicts. The design based on Buddhist and Hindu concepts of cosmology dividing the Sun and Moon under the three worlds. On the top of the building crowned with a golden Julamanee pagoda, and placed the Siam Devadhiraja, the most supreme and holy guardian of ancient Siamese state inside the pagoda. All of the concepts and designs are meant to reconstruct the morale and courage of Thais for the architecture team believed that Thailand has been in crisis because Thais have lost their moral virtues. So the Sumeru mountain, a center of power of the Thai state, is meant to remind the legislators of their duty for the whole nation under the patronage of the Siamese holy spirit. But on the other hand, the ancient guardian also represents the monarchy as the highest order in Thai cosmology over western democratic values.
dc.language.iso th
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.relation.uri http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2020.566
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.subject.classification Social Sciences
dc.title การเมืองในสถาปัตยกรรมรัฐสภาไทย
dc.title.alternative The politics in architecture of Thai parliament
dc.type Thesis
dc.degree.name รัฐศาสตรมหาบัณฑิต
dc.degree.level ปริญญาโท
dc.degree.discipline การปกครอง
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.identifier.DOI 10.58837/CHULA.THE.2020.566


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record