Abstract:
งานวิจัยนี้ทำการพัฒนาสูตรสารเคลือบผลไม้จากเชลแล็กขาวเกรดอาหารและไขคาร์นูบา โดยศึกษาผลของชนิดสารลดแรงตึงผิว กรดโอเลอิก กรดโอเลอิกผสมโซเดียมโดเดซิลซัลเฟต กรดโอเลอิกผสมทวีน 80 ทวีน 80 ผสมสแปน 80 และทวีน 80 ที่ค่า HLB ต่างๆ และทดสอบประสิทธิภาพของสารเคลือบต่อคุณภาพในการเก็บรักษาเงาะ จากการศึกษาสมบัติของสารเคลือบพบว่า สารเคลือบสูตรกรดโอเลอิก (HLB1) และสูตรกรดโอเลอิกผสมทวีน80 (HLB12.5) มีขนาดอนุภาคเล็ก ความคงตัวสูง และค่าการซึมผ่านของไอน้ำต่ำ มีลักษณะฟิล์มอิมัลชันเรียบเป็นเนื้อเดียว การประเมินประสิทธิภาพของสารเคลือบพิจารณาจากลักษณะทางกายภาพ เคมี และความพึงพอใจของผู้บริโภค สูตรสารเคลือบที่เหมาะสมในการรักษาคุณภาพเงาะคือ สูตรกรดโอเลอิก (HLB1) 2.5 เปอร์เซ็นต์โดยมวล เมื่อเก็บรักษาที่ 12 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 85-95 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยสามารถลดการสูญเสียน้ำหนัก ชะลอการเปลี่ยนแปลงขนดำ และให้ความแน่นเนื้อดี แต่พบคราบขาวหรือจุดขาวที่ผลเงาะ จึงทำการพัฒนาสารเคลือบผิวผลไม้จากเชลแล็กขาวที่มีกรดโอเลอิกเป็นสารลดแรงตึงผิว โดยการดัดแปลงด้วยไขคาร์นูบาและไขผึ้ง การทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการ พบว่าสารเคลือบที่ดัดแปลงด้วยไขผึ้งสามารถรักษาคุณภาพเงาะได้ดีเท่ากับสารเคลือบดัดแปลงด้วยไขคาร์นูบา แต่ไม่เกิดคราบขาวหรือจุดขาวที่เปลือกและขนเงาะ เมื่อทดสอบระดับการค้า พบว่าการเคลือบผิวเงาะด้วยสารเคลือบสูตรเชลแล็กดัดแปลงด้วยไขคาร์นูบา และสูตรเชลแล็กดัดแปลงด้วยไขผึ้ง ให้ผลทดลองที่ดี โดยพบว่าระยะเวลาการเก็บรักษาที่เหมาะสมที่ทำให้เงาะยังคงสภาพดีคือ เคลือบด้วยสารเคลือบและเก็บไว้ที่ 12 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 85-95 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 1 และ 2 สัปดาห์ สามารถย้ายมาวางขายที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ได้เป็นเวลา 2 และ 1 วันตามลำดับ โดยสารเคลือบสามารถลดการสูญเสียน้ำหนัก ชะลอการเปลี่ยนแปลงขนดำ และให้ความแน่นเนื้อดี และพบว่าสารเคลือบสูตรเชลแล็กดัดแปลงด้วยไขผึ้ง 5 เปอร์เซ็นต์โดยมวล มีความเหมาะสมสำหรับการนำไปใช้งานเพราะไม่พบคราบขาวหรือจุดขาวที่เปลือกและขนผลเงาะเช่นเดียวกับการทดสอบเคลือบเงาะระดับห้องปฏิบัติการ