Abstract:
เป้าหมายเริ่มต้นของงานวิจัยนี้คือการพัฒนาอนุภาคนาโนแคลเซียมฟอสเฟต (CaPNPs) คอนจูเกตกับโมโนโคลนอลแอนติบอดีที่จำเพาะกับ RANKL หรือที่เรียกว่า anti-RANKL เพื่อใช้เป็นพาหะในการนำส่ง anti-RANKL เพื่อยับยั้งการเจริญและพัฒนาการของเซลล์สลายกระดูก ขอบเขตของงานวิจัยถูกปรับให้แคบลงเนื่องจากข้อจำกัดของเวลาในการทำวิจัย งานวิจัยจึงมุ่งเน้นเพียงการสังเคราะห์ CaPNPs โดยใช้พอลิเมอร์ที่มีหมู่คาร์บอกซิลเป็นสารทำให้เสถียร ได้แก่ คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส (CMC), พอลิแอคริลิกแอซิด (PAA) จากนั้นจึงนำอนุภาคที่เตรียมได้ไปคอนจูเกตกับโปรตีนจำลองคือโบไวซีรัมแอลบูมิน (BSA) งานวิจัยนี้ใช้การตกตะกอนร่วมในการสังเคราะห์ CaPNPs 3 ชนิด คือ CaPNPs-CMC, CaPNPs-PAA และ CaPNPs-citrate ซึ่งเป็นอนุภาคที่ทำให้เสถียรด้วย CMC, PAA และ ไอออนซิเตรท ตามลำดับ อนุภาคทุกชนิดมีลักษณะเป็นสารแขวนลอยค่อนข้างขุ่นอยู่ได้ในช่วงเวลา 2-5 ชั่วโมงก่อนตกตะกอน จากการวิเคราะห์ด้วยการกระเจิงแสงแบบไดนามิกส์พบว่า CaPNPs-CMC (200+7 นาโนเมตร) และ CaPNPs-PAA (345±85 นาโนเมตร) มีขนาดเล็กกว่า CaPNPs-citrate (688±370 นาโนเมตร). ค่าศักย์ซีต้าของ CaPNPs-CMC (-31.2±0.6 มิลลิโวลต์) และ CaPNPs-PAA (-41.0±0.8 มิลลิโวลต์) มีความเป็นลบมากกว่าของ CaPNPs-citrate (-15.4±0.7 มิลลิโวลต์) ทำให้อนุมานได้ว่าอนุภาค 2 ประเภทแรกมีเสถียรภาพมากกว่าประเภทหลัง การตอนจูเกตกับ BSA ทำให้อนุภาคเล็กลงยกเว้นในกรณีของ CaPNPs-CMC ค่าศักย์ซีต้ามีความเป็นลบลดลงหลังจากการคอนจูเกตกับ BSA การวิเคราะห์ด้วยฟูเรียร์ทรานส์ฟอร์มอินฟราเรดสเปกโตรสโกบีช่วยยืนยันการมีอยู่ของ CMC รอบอนุภาค CaPNPs-CMC และการเกิดพันธะเอไมด์ระหว่างหมู่คาร์บอกซิลของ CMC บนอนุภาค CaPNPs-CMC กับหมู่แอมิโนของ BSA และจากการวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราดแสดงให้เห็นว่าอนุภาค CaPNPs-CMC ทั้งก่อนและหลังคอนจูเกตกับ BSA มีลักษณะเป็นทรงกลม และมีเส้นผ่านศูนย์กลางเป็น 21.02±4.06 และ 30.54±6.84 นาโนเมตร ตามลำดับ