Abstract:
สารนิพนธ์เล่มนี้มุ่งศึกษาแนวทางการแปลข่าวออนไลน์เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 59 จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยของฝ่ายข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวไทย ผู้วิจัยได้ประยุกต์ใช้กระบวนการแบบจำลองผู้เฝ้าประตูในการแก้ปัญหาการแปลข่าวตามแนวทางของ Erkka Vuorinen (1995) ที่ระบุว่า ผู้แปลใช้กระบวนการแบบจำลองผู้เฝ้าประตูทั้งสี่กระบวนการ ได้แก่ การเพิ่มข้อมูล การตัดข้อมูล การจัดเรียงข้อมูลใหม่ และการแทนที่ข้อมูลในการจัดการข้อมูลข่าว นอกจากนี้ ผู้วิจัยได้เลือกใช้แนวทางการวางกรอบเรื่องเล่าในการแปลของ Baker (2006) เพื่อวิเคราะห์บทบาทของผู้เรียบเรียงข่าวต่อการกำหนดกรอบความคิดของผู้รับสารอีกด้วย
ผู้วิจัยคัดเลือกตัวอย่างข่าวเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 59 ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศเขียนเป็นภาษาอังกฤษ จำนวน 50 ข่าว และข่าวแปลเป็นภาษาไทยโดยฝ่ายข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวไทย 50 ข่าว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 - มกราคม 2564 เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ด้วยกระบวนการแบบจำลองผู้เฝ้าประตูและแนวทางวางกรอบเรื่องเล่าในการแปล นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังได้สัมภาษณ์บรรณาธิการและผู้เรียบเรียงข่าวของฝ่ายข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวไทย จำนวน 2 คน เพื่อพิสูจน์สมมติฐานว่า ผู้เรียบเรียงข่าวของฝ่ายข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวไทย ได้นำกระบวนการแบบจำลองผู้เฝ้าประตูทั้งสี่กระบวนการมาประยุกต์ใช้ในการแปลข่าวเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และผู้เรียบเรียงข่าวมีบทบาทต่อการกำหนดกรอบความคิดของผู้รับสารตามแนวทางการวางกรอบเรื่องเล่าในการแปล
ผลวิจัยพบว่า การแปลข่าวเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 59 จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ของฝ่ายข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวไทย ใช้กระบวนการแบบจำลองผู้เฝ้าประตูทั้งสี่กระบวนการตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ กล่าวคือ พบการตัดข้อมูลมากที่สุด ร้อยละ 55 ตามด้วยการเพิ่มข้อมูล ร้อยละ 20 การจัดเรียงข้อมูลใหม่ ร้อยละ 18 และการแทนที่ข้อมูล ร้อยละ 7 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการสื่อสารข้อมูลข้ามวัฒนธรรมและทำให้ผู้รับสารเข้าใจบริบทแวดล้อมของสถานการณ์ต่าง ๆ ตามข้อจำกัดของข่าวออนไลน์ด้วยการจัดลำดับความสำคัญของเนื้อหาและทำให้ข้อมูลสั้นกระชับตามหลักการเขียนข่าวแบบพีระมิดหัวกลับ นอกจากนี้ ผู้วิจัยพบว่าผู้เรียบเรียงยังมีบทบาทต่อการกำหนดกรอบความคิดของผู้รับสารตามแนวทางการวางกรอบเรื่องเล่าในการแปล กล่าวคือ พบว่ามีการกำหนดกรอบโดยการเลือกสรรข้อมูลมากที่สุด ร้อยละ 47 ตามด้วยการกำหนดกรอบโดยการเลือกใช้ถ้อยคำตีตรา ร้อยละ 23 การกำหนดกรอบโดยการเปลี่ยนตำแหน่งผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ร้อยละ 16 และการกำหนดกรอบโดยการใช้เงื่อนเวลาและสถานที่ ร้อยละ 14 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความเป็นกลาง หลีกเลี่ยงประเด็นละเอียดอ่อน และลดความเอนเอียงในการนำเสนอข่าว