Abstract:
วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของระดับความเข้มข้นต่ำ สุดของยา tacrolimus ในเลือดต่อขนาดยาและเปรียบเทียบสัดส่วนของจำนวนผู้ป่วยปลูกถ่ายไตในสภาวะคงที่ที่มีระดับความเข้มต่ำสุดของ tacrolimus อยู่ในเป้าหมาย 6-8 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ในเดือนที่ 6 ภายหลังการปลูกถ่ายไต ในผู้ป่วยปลูกถ่ายไตชาวไทยที่ได้รับและไม่ได้รับยา diltiazem ขนาด 240 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้ป่วยและวิธีดำเนินการวิจัย: การศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบย้อนหลัง มีผู้รับการปลูกถ่ายไตชาวไทย 102 คน ที่รับประทานยาทาโครลิมุสวันละ 2 ครั้งเข้าร่วมในการศึกษาเข้าร่วมในการศึกษา ข้อมูลของผู้ป่วยที่เวลา 6 เดือนหลังจากปลูกถ่ายไตถูกรวบรวม ผู้ป่วยได้รับการตรวจภาวะพหุสัณฐานของยีน CYP3A5 แล้วจัดแบ่งผู้ป่วยเป็น 4 กลุ่มคือ 1) CYP3A5 expressers ที่ได้รับยา diltiazem 240 มิลลิกรัมต่อวัน 2) CYP3A5 expressers ที่ไม่ได้รับยา diltiazem 3) CYP3A5 non-expressers ที่ได้รับยา diltiazem 240 มิลลิกรัมต่อวัน และ 4) CYP3A5 non-expressers ที่ไม่ได้รับยา diltiazem ผลการศึกษา: ค่าเฉลี่ยของระดับความเข้มข้นต่ำสุดของยา tacrolimus ในเลือดก่อนรับประทานยาในมื้อเช้าต่อขนาดยาระหว่างกลุ่มพบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ พบว่าผู้ป่วยกลุ่มที่เป็น CYP3A5 non-expressers ที่ได้รับยา diltiazem 240 มิลลิกรัมต่อวันมีค่าเฉลี่ยของระดับความเข้มข้นต่ำสุดของยา tacrolimus ในเลือดก่อนรับประทานยาในมื้อเข้าต่อขนาดยาสูงที่สุด และสูงกว่ากลุ่มผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ ที่เหลืออีก 3 กลุ่ม อย่างมีนัยสำคัญ (p <0.001) แต่ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกันของกลุ่มอื่น ๆ และไม่พบว่าผู้ป่วยกลุ่มต่าง ๆ มีสัดส่วนจำนวนผู้ป่วยที่มีระดับยา tacrolimus ในเลือดอยู่ในช่วงเป้าหมายของการรักษาแตกต่างกันยอ่างมีนัยสำคัญ (p=0.503) สรุป: ในระยะคงที่หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ค่าเฉลี่ยของระดับความเข้มข้นต่ำสุดของยา tacrolimus ในเลือดต่อขนาดยาของผู้ป่วยปลูกถ่ายไตชาวไทยที่เป็น CYP3A5 non-expressers และได้รับยา diltiazem ในขนาด 240 มิลลิกรัมต่อวันสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้รับยา diltiazem อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่พบผลของยา diltiazem ในขนาดเดียวกันนี้ใน CYP3A5 expressers