Abstract:
งานวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบและปัจจัยสำคัญทางด้านภาคเศรษฐกิจจริงและปัจจัยทางด้านภาคการเงินต่อราคาบ้านเมื่อเกิดสภาวะความเสี่ยงด้านสูงและความเสี่ยงด้านต่ำสำหรับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ในการศึกษานี้ได้มีการแบ่งกลุ่มของข้อมูลเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มปัจจัยในภาพรวม และกลุ่มปัจจัยย่อย ทั้งนี้เพื่อตอบวัตถุประสงค์ผู้วิจัยได้มีการนำเทคนิค Feature Importance ด้วยการใช้อัลกอริทึม Random Forest และเสริมด้วยแบบจำลอง Semi-parametric Quantile Regression ซึ่งจะช่วยให้แบบจำลองเหมาะสมกับการวิเคราะห์การแจกแจงการกระจายข้อมูลที่ไม่ปกติ ผลการศึกษาแบ่งตามลักษณะกลุ่มประเทศดังนี้
สำหรับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วพบว่าปัจจัยทางด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินที่มีสัดส่วนสูงที่สุดในการกำหนดราคาบ้านทั้งในช่วงความเสี่ยงด้านสูงและด้านต่ำอีกทั้งเมื่อปัจจัยดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นยังส่งผลต่อราคาบ้านให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติสำหรับทุกควอนไทล์ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเฉพาะในปัจจัยย่อยของกลุ่มตัวแปรต่างๆ ที่มีความสำคัญที่สุดและส่งผลต่อราคาบ้านในแต่ละกลุ่มจะพบว่าปัจจัยที่ควรสังเกตุและมีความสำคัญมากเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาบ้านได้แก่ ปัจจัยด้านรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของรัฐบาล, ปัจจัยด้านดัชนีราคาด้านสินค้าและบริการเบ็ดเตล็ด, ปัจจัยด้านดัชนีราคาด้านการนันทนาการและวัฒนธรรม, ปัจจัยด้านการลงทุนแบบพอร์ตโฟลิโอผ่านตราสารทุน, ปัจจัยด้านสัดส่วนสินเชื่อภาคครัวเรือนเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ และปัจจัยด้านดัชนีอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง เป็นต้น
สำหรับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่พบว่าตัวแปรทางด้านดัชนีอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงและสัดส่วนสินเชื่อต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศมีสัดส่วนสูงที่สุดรวมกันอยู่ที่ประมาณสัดส่วนร้อยละ 60 ถึง 70 ของตัวแปรทั้งหมดในแบบจำลองในการกำหนดราคาบ้าน ทั้งนี้สำหรับประเทศพัฒนาแล้วอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงเมื่อเกิดการแข็งค่าขึ้นจะส่งผลต่อราคาบ้านในทิศทางลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติสำหรับทุกควอไทล์ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเฉพาะในปัจจัยย่อยของกลุ่มตัวแปรต่างๆ ที่มีความสำคัญที่สุดและส่งผลต่อราคาบ้านในแต่ละกลุ่มจะพบว่าปัจจัยที่ควรสังเกตุและมีความสำคัญมากเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาบ้านได้แก่ ปัจจัยด้านรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของครัวเรือน, ปัจจัยด้านการสะสมทุนถาวรเบื้องต้น, ปัจจัยด้านดัชนีราคาด้านสินค้าและบริการเบ็ดเตล็ด, ปัจจัยด้านการลงทุนแบบพอร์ตโฟลิโอผ่านตราสารหนี้, ปัจจัยด้านสัดส่วนสินเชื่อภาคเอกชนเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ, ปัจจัยด้านเครื่องมือ Loan-to-Value และ ปัจจัยด้านปริมาณเงินตามความหมายกว้าง เป็นต้น
ดังนั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของภาคการเงินและภาคเศรษฐกิจจึงนั้น ผู้ออกนโยบายควรที่จะมุ่งไปที่ปัจจัยที่มีความสำคัญและส่งผลต่อราคาบ้านให้เหมาะสมกับลักษณะของกลุ่มประเทศและพิจารณาการกับกำดูแลผ่านนโยบายเสถียรภาพด้านราคาบ้านตามสถานการณ์ให้เหมาะสม