Abstract:
งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อคำนวณเบี้ยประกันภัยของสัญญาประกันชีวิตแบบบำนาญ ส่วนแรกเป็นการประมาณค่าอัตรามรณะของผู้สูงอายุไทยด้วย 6 ตัวแบบ คือ ตัวแบบกอมเพิทซ์ ตัวแบบคานนิสโต ตัวแบบกอมเพิทซ์โดยใช้วิธีการประมาณพารามิเตอร์โฮริอูจิกับโคล ตัวแบบกอมเพิทซ์โดยใช้วิธีการประมาณพารามิเตอร์มิทรา ตัวแบบคานนิสโตโดยใช้วิธีการประมาณพารามิเตอร์โฮริอูจิกับโคล ตัวแบบคานนิสโตโดยใช้วิธีการประมาณพารามิเตอร์มิทรา ข้อมูลที่ใช้ในงานวิจัยประกอบด้วย ข้อมูลจำนวนประชากรปลายปีระหว่างปีพ.ศ. 2558 – 2564 จำแนกตามเพศและรายอายุ จากกระทรวงมหาดไทย และข้อมูลจำนวนการตาย ระหว่างปีพ.ศ. 2559 – 2564 จำแนกตามเพศและรายอายุ จากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ทำการเปรียบเทียบค่าอัตรามรณะที่ได้จากแต่ละตัวแบบ แต่ละวิธีการ เพื่อหาตัวแบบที่มีความเหมาะสม ด้วยค่าร้อยละสมบูรณ์ของความคลาดเคลื่อนเฉลี่ย หลังจากนั้นนำอัตรามรณะที่ได้มาคำนวณเบี้ยประกันภัยของแบบประกันภัยตัวอย่างและทำการเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยสุทธิที่ได้และเบี้ยประกันภัยสุทธิที่คำนวณจากตารางบำนาญไทย ปี 2552
เบี้ยประกันภัยของสัญญาประกันชีวิตแบบบำนาญตัวอย่างที่มีระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันภัย 10 ปี เป็นรายปี อายุของผู้เอาประกันภัย คือ 30 ถึง 50 ปี คุ้มครองถึงอายุครบ 110 ปี และใช้อัตราดอกเบี้ยร้อยละสองต่อปี พบว่าเมื่อผู้เอาประกันภัยมีอายุมากขึ้น เบี้ยประกันภัยสุทธิจะมีค่ามากขึ้น เบี้ยประกันภัยของเพศชายมีค่าน้อยกว่าเพศหญิงในช่วงอายุ 30 – 36 ปี แต่มากกว่าในช่วงอายุ 37 – 50 ปี นอกจากนี้ เบี้ยประกันภัยสุทธิที่คำนวณจากตารางบำนาญไทย ปี 2552 มีค่ามากกว่าเบี้ยประกันภัยที่คำนวณจากตัวแบบ อีกทั้งยังพบว่าการระบาดของโควิด 19 ไม่ส่งผลต่ออัตรามรณะ