Abstract:
โรคเลปโตสไปโรซิสเป็นโรคติดเชื้อจากสัตว์สู่คนที่พบได้ทั่วโลก โดยมีเชื้อเลปโตสไปราสายพันธุ์ก่อโรคเป็นเชื้อสาเหตุ ปัจจุบันวิธีมาตรฐานที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซิสคือ Microscopic agglutination test (MAT) แต่วิธีนี้มีความไวไม่เพียงพอในการวินิจฉัยโรคในระยะต้นของการติดเชื้อ โปรตีน LipL32 เป็นโปรตีนที่พบมากที่สุดในผนังชั้นนอกของเชื้อเลปโตสไปราเฉพาะในสายพันธุ์ก่อโรคเท่านั้น นอกจากนั้นยังพบว่า โปรตีน LipL32 มีคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี และมีการแสดงออกระดับสูงในระยะต้นของการติดเชื้อ ดังนั้นโปรตีน LipL32 จึงเป็นแอนติเจนที่เหมาะสมสำหรับในการตรวจวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซิสในระยะแรกเริ่ม การศึกษานี้จึงได้ผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดีต่อโปรตีน LipL32 และประเมินผลของแอนติบอดีที่ติดฉลากกับอนุภาคทองคำระดับนาโนเพื่อใช้ในการตรวจหาเชื้อ เชื้อเลปโตสไปราสายพันธุ์ก่อโรคด้วยวิธีใช้แผ่นตรวจ lateral-flow assay โดยทำการฉีดโปรตีนสกัดบริสุทธิ์ของรีคอมบีแนนท์ LipL32 ในหนู BALB/c เพื่อผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดีต่อโปรตีน LipL32 โดยอาศัยไฮบริโดมาเทคนิค จากการวิเคราะห์โดยวิธี indirect ELISA พบว่าได้เซลล์ไฮบริโดมาอย่างน้อย 4 โคลน ที่สามารถหลั่งแอนติบอดีที่จำเพาะสูงต่อโปรตีน LipL32 ของเชื้อเลปโตสไปราสายพันธุ์ก่อโรคและไม่จับกับเชื้อเลปโตสไปราสายพันธุ์ที่ไม่ก่อโรครวมทั้งเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น ๆ การศึกษานี้ได้ทำการสกัดโมโนโคลนอลแอนติบอดีต่อโปรตีน LipL32 จากหนึ่งในสี่โคลนโดยวิธี affinity chromatography และนำมาใช้เป็นแอนติบอดีบนเส้นทดสอบของแผ่นตรวจ ภายหลังการทดสอบหาภาวะที่เหมาะสมพบว่าแผ่นตรวจที่ได้ในการศึกษานี้สามารถตรวจพบเชื้อเลปโตสไปราสายพันธุ์ก่อโรคได้ที่จำนวนอย่างน้อย 104 โดยให้ผลลบแม้จะใช้เชื้อเลปโตสไปราสายพันธุ์ไม่ก่อโรคจำนวนมากถึง 107 ในการทดสอบ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีตัวอย่างผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นโรคเลปโตสไปซิสเพื่อนำมาทดสอบ กลุ่มผู้วิจัยจะพัฒนาแผ่นตรวจที่มีความไวและความจำเพาะให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการตรวจวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซิสได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ในระยะแรกของโรค