Abstract:
วิทยานิพนธ์เล่มนี้ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกระบวนการสอนการแสดงสำหรับนักร้องเพลงลูกกรุง โดยใช้หลักการและแบบฝึกหัดลี สตราสเบิร์กและแซนฟอร์ด ไมส์เนอร์มาปรับใช้สำหรับการสอน โดยมีวัตถุประสงค์คือเพื่อค้นหาแนวทางการสอนการแสดงและแบบฝึกหัดทางการแสดงที่เหมาะสมในการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบทเพลงสำหรับนักร้อง และเพื่อให้ผู้วิจัยได้ศึกษากระบวนการสอนการแสดงสำหรับนักร้องอย่างลึกซึ้ง ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการในฐานะครูสอนการแสดง และได้เลือกศึกษากับผู้เข้ารับวิจัยจำนวน 5 คน โดยมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 1) เป็นบุคคลกลุ่มเพศใดก็ได้ 2) เป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป 3) เป็นผู้ที่มีพื้นฐานการร้องเพลงอยู่แล้ว 4) เป็นผู้ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพของตนเองในด้านถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบทเพลง ผู้วิจัยได้ออกแบบแผนการสอนที่เน้นใช้แบบฝึกหัดของลี สตราสเบิร์ก และแซนฟอร์ด ไมส์เนอร์ให้ผู้เข้ารับวิจัยได้ฝึกไว้เป็นหลัก ซึ่งมีระยะเวลาการสอนทั้งหมดจำนวน 12 ครั้ง ครั้งละ 3 ชั่วโมง และเมื่อผู้เข้ารับวิจัยเรียนครบตลอดแผนการสอนแล้วจึงได้จัดคอนเสิร์ตประกอบวิทยานิพนธ์เพื่อแสดงต่อหน้าผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อนำข้อเสนอแนะรวมถึงแบบสอบถามจากผู้ชมมาประเมินผล ผลการวิจัยพบว่าแบบฝึกหัดและหลักการของทั้งลี สตราสเบิร์กและแซนฟอร์ด ไมส์เนอร์ ที่ผู้วิจัยนำสอนสามารถใช้พัฒนาผู้เข้ารับวิจัยได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้วิจัยค้นพบว่าหลักการของลีสตราสเบิร์กในเรื่องของการสร้างความจริงจากภายในโดยใช้จิตนาการแห่งการรื้อฟื้นความทรงจำในอดีตนั้น สามารถทำให้ผู้เข้ารับการวิจัยสามารถถ่ายทอดและสื่อสารความรู้สึกออกมาได้อย่างจริงใจได้จริง รวมถึงแบบฝึกหัดการพูดซ้ำ (Repetition) ในหลักการของแซนฟอร์ด ไมส์เนอร์ที่เน้นให้ผู้เข้ารับวิจัยอยู่กับมีสติปัจจุบันขณะแม้อยู่ภายใต้สถานการณ์สมมตินั้นก็สามารถทำให้ผู้เข้ารับวิจัยอยู่กับปัจจุบันขณะ (Moment) ได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาเสถียรภาพการอยู่กับปัจจุบันขณะให้มั่นคงจนสามารถนำสามารถมาใช้ได้เป็นเองโดยอัตโนมัติ การทำวิจัยครั้งนี้ทำให้ผู้วิจัยค้นพบการที่จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นแบบฝึกหัดอย่างเดียวอาจจะไม่พอ จะต้องขึ้นอยู่กับความตั้งใจของผู้เรียนเองเพราะพลังแห่งความตั้งใจนี้จะส่งผลให้ผู้เรียนไม่ทำอะไรอย่างครึ่งๆ กลางๆ และสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างก้าวกระโดด อีกประการหนึ่งคือทักษะด้านการร้องเพลงของผู้เรียนเอง ผู้เรียนควรมีทักษะการร้องที่ดีอยู่แล้วจึงจะต่อยอดทักษะทางด้านนี้ต่อไปได้ เพราะหากยังพะวงเกี่ยวกับการร้องเพลงของตนเองอยู่ จะส่งผลทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าสมาธิผิดที่ได้โดยง่าย นอกจากนี้ครูผู้สอนจำเป็นจะต้องมีความรู้ทางด้านการแสดงที่แม่นยำเพื่อที่จะได้ฝึกผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพอันนำไปสู่การพัฒนาอย่างสูงสุด