ต้นทุนการปฏิบัติงานของธนาคาร

Abstract

การศึกษาและค้นคว้าวิทยานิพนธ์เรื่อง ต้นทุนการปฏิบัติงานของธนาคาร นี้มุ่งหวังที่จะให้เป็นประโยชน์แก่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ในปัจจุบันมีปัญหาเกี่ยวกับการแข่งขันกันมากขึ้นในวงการธนาคาร แม้แต่ละธนาคารจะมีการเสนอบริการใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการของลูกค้า แต่นายธนาคารทั้งหลายก็ยังไม่รู้เลยว่าบริการเหล่านั้น มีกำไรหรือขาดทุนมากน้อยเพียงใด เนื่องจากไม่มีความรู้ในเรื่องระบบบัญชีต้นทุนดีพอ การกำหนดราคาค่าบริการจะอาศัยราคาค่าบริการของธนาคารอื่นเป็นเกณฑ์ แทนที่จะใช้วิธีการกำหนดจากต้นทุนของตนเอง การที่ไม่มีระบบบัญชีต้นทุนก็จะไม่มีทางรู้วิธีที่จะเพิ่มกำไรให้ธนาคารของตน ธนาคารจะรู้เพียงแต่ว่า แต่ละปีหรือแต่ละงวดบัญชีตนมีกำไรหรือขาดทุนรวมจากการประกอบการเท่าใด ดีขึ้นหรือเลวลงจากปีก่อนเท่าใด ระบบบัญชีต้นทุนไม่ได้เป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับเมืองไทย แต่นายธนาคารไทยส่วนมากไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร ทั้งนี้เนื่องจากในปัจจุบันผลต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดขึ้นยังแตกต่างกันอยู่มาก การให้เงินกู้และรับฝากเงินยังคงทำกำไรได้ดีกว่าบริการประเภทอื่น จึงทำให้นายธนาคารทั้งหลายมีความรู้สึกว่าบริการทั้งสองประเภทนั้น ยังคงมีความสามารถในการทำกำไรสูงในอนาคตถ้าอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากและเงินกู้เขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น จะทำให้กำไรจากการประกอบการของธนาคารลดลง และการที่จะทำให้กำไรคงตัวเหมือนเดิมก็จะต้องให้ความสนใจเรื่องระบบบัญชีต้นทุนมากขึ้น โดยพยายามหาวิธีการลดต้นทุน ซึ่งจะง่ายกว่าการหาวิธีเพิ่มรายได้เนื่องจากสภาวะการแข่งขันกันมีมากขึ้น เนื่องจากเรื่องต้นทุนการปฏิบัติงานของธนาคาร มีผู้ที่ทำการศึกษาและค้นคว้าไว้น้อยมาก จึงใคร่ขอถือโอกาสเขียนวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ประกอบการศึกษาชั้นปริญญาโท ข้อมูลส่วนใหญ่จะได้มาจากตำราทั่ว ๆ ไป วารสารธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศและการสัมภาษณ์จากผู้เชี่ยวชาญในทางบัญชีต้นทุน วิทยานิพนธ์ฉบับนี้เป็นการศึกษาเรื่องต้นทุนการปฏิบัติงานของธนาคาร ที่ได้เกิดขึ้นจริง (Actual Cost) เท่านั้น มุ่งหวังที่จะให้ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินต่าง ๆ ใช้เป็นแนวทางในการควบคุมต้นทุน, ตัดสินใจ, วิเคราะห์การดำเนินงาน, วางแผนและใช้ในจุดประสงค์อื่นที่เกี่ยวกับการบริหารงานของธนาคารให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการจัดทำระบบต้นทุนมาตรฐานขึ้นมา เพื่อใช้ในการตั้งมาตรฐานทั้งในเรื่องเวลามาตรฐาน และอัตรามาตรฐาน ก็จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการเปรียบเทียบกับต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง ถึงแม้ว่าการตั้งระบบต้นทุนมาตรฐานจะทำได้ยาก แต่เมื่อทำได้แล้วก็จะทำให้ระบบบัญชีต้นทุนมีความสมบูรณ์ แ ละใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้เห็นผลของการดำเนินงานว่าดีขึ้นหรือลดลงเพียงใด นอกจากนั้นผู้บริหารชั้นสูงของธนาคารยังสามารถนำไปใช้ในการบริหารงานของธนาคารในด้านอื่น ๆ ได้อีกเช่น การวัดประสิทธิภาพในการทำงาน, การปูนบำเหน็จรางวัล เป็นต้น เพราะฉะนั้น ในการบริหารงานอย่างมีหลักเกณฑ์ ถึงแม้จะไม่ง่ายนักแต่ก็จะทำให้ธนาคารของตน เป็นธนาคารชั้นแนวหน้าของประเทศได้