การศึกษาความเป็นไปได้ในการแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิง : กรณีศึกษา เทศบาลนครนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี

Abstract

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิง ในพื้นที่เทศบาลนครนนทบุรี โดยปัจจุบันปริมาณขยะชุมชนมีแนวโน้มที่สูงขึ้นทุกปีและยังเป็นปัญหาในการกำจัดอยู่ในปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายที่จะนำเอาขยะ มาทำการศึกษาเพื่อนำมาแปรรูปเป็นขยะเชื้อเพลิง ในวิธีการศึกษาได้สำรวจปริมาณขยะและองค์ประกอบของขยะ จากนั้นเลือกประเภทขยะที่จะนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงแล้วนำมาหาค่าความร้อน จากนั้นจึงกำหนดรูปแบบขั้นตอนในการแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิง พร้อมวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ผลการศึกษา พบว่าพื้นที่เทศบาลนครนนทบุรี มีขยะที่สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบของเชื้อเพลิงขยะทั้งสิ้น 289.41 ตันต่อวัน โดยเลือกเศษอาหาร พลาสติก กระดาษ และไม้ เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเชื้อเพลิงขยะ ซึ่งจะใช้ปูนขาวเป็นตัวประสานในการอัดแท่ง ทั้งนี้โดยมีอัตราส่วน 30: 35: 4 :1 :1 ตามลำดับ เมื่อผ่านกระบวนการแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิง 8 ขั้นตอนแล้ว สามารถคำนวณกำลังการผลิต เท่ากับ 172.84 ตันต่อวัน ซึ่งให้ค่าความร้อน เท่ากับ 26.66 MJ/KG จากวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์โดยจะเลือกใช้ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การใช้ฮีทปั๊ม ในขั้นตอนที่ 5 การอบไล่ความชื้น พบว่า ที่อัตราคิดลด 10 เปอร์เซ็นต์ มีมูลค่าปัจจุบัน 396.79 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนภายใน เท่ากับ 55.47 เปอร์เซ็นต์ และมีระยะเวลาคืนทุน 2.11 ปี อายุโครงการ 15 ปี การวิเคราะห์ความไว ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของโครงการ ได้แก่ ปริมาณขยะต่อวัน ราคาเชื้อเพลิงขยะ ต้นทุนเครื่องจักร และ ค่าความร้อนของเชื้อเพลิงขยะ โดยกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์และลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ พบว่า ปัจจัยปริมาณขยะ ราคาเชื้อเพลิงขยะ และ ค่าความร้อนขยะ เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงมากกว่าปัจจัยต้นทุนเครื่องจักร เมื่อปัจจัยปริมาณขยะ ราคาเชื้อเพลิงขยะ และ ค่าความร้อนขยะ มีการเปลี่ยนแปลงลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ ระยะเวลาคืนทุน เท่ากับ 2.63 ปี และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ ระยะเวลาคืนทุน เท่ากับ 1.60 ปี