Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/46718
Title: Everyday Chinese speaking proficiency guidelines : a case study of Chulalongkorn University students
Other Titles: แนวทางการกำหนดความสามารถด้านการพูดภาษาจีนในชีวิตประจำวัน : กรณีศึกษานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Authors: Pattra Pichetsilpa
Advisors: Suree Choonharuangdej
Prapin Manomaivibool
Other author: Chulalongkorn University. Faculty of Arts
Advisor's Email: Suree.C@Chula.ac.th
arckfas@chula.ac.th
Subjects: Verbal ability
Oral communication
Chinese language -- Speech
การสื่อทางภาษาพูด
ภาษาจีน -- การพูด
ความสามารถทางภาษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย -- นักศึกษา
Issue Date: 2006
Publisher: Chulalongkorn University
Abstract: จุดประสงค์ของวิทยานิพนธ์ฉบับนี้คือเพื่อเสนอ "แนวทางการกำหนดความสามารถด้านการพูดภาษาจีน : กรณีศึกษานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" และเพื่อนำไปใช้เป็นมาตรฐานในการออกแบบการวัดผลทางด้านทักษะที่ใช้ในการสื่อสาร รวมทั้งสามารถนำแนวทางนี้ไปใช้ในการอ้างอิงการเขียนตำราที่เกี่ยวข้องกับทักษะด้านการพูดภาษาจีนได้อีกด้วย วิทยานิพนธ์ฉบับนี้อิงมาจากแนวทางกำหนดความสามารถทางการเรียนการสอนภาษาจีนของสภาการสอนภาษาต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ American Council on the Teaching of Foreign Language Chinese Proficiency Guidelines ผู้วิจัยวิเคราะห์โครงสร้างเนื้อหาทั้งหมด และพบว่าแนวทางกำหนดความสามารถนี้ได้ยึดหลักของบทบาทภาษา 3 ประการ อันประกอบด้วย การใช้ภาษา บริบท และเนื้อหาของภาษา และความถูกต้องในการใช้ภาษา จากนั้น ผู้วิจัยได้นำบทบาททางภาษา 3 ประการมาเป็นหลักเกณฑ์ในการวิเคราะห์หลักสูตรวิชาเอกภาษาจีนของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อแสดงระดับความสามารถในด้านการพูดของนิสิตวิชาเอกภาษาจีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้วิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างแนวทางกำหนดความสามารถทางการเรียนการสอนภาษาจีนขององค์กรภาษาต่างประเทศแห่งประเทศสหรัฐอเมริกากับแนวทางการกำหนดความสามารถด้านการพูดภาษาจีน กรณีศึกษานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อแสดงให้เห็นว่าแนวทางการกำหนดความสามารถที่ผู้วิจัยเสนอนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการสื่อสารอย่างแท้จริง ผู้วิจัยเห็นว่าการวิเคราะห์เปรียบเทียบนี้มีหลักสำคัญที่ต้องคำนึงถึง 2 ประการคือ 1. การวิเคราะห์ในแนวนอนเพื่อหาข้อกำหนดความสามารถทั้งสอง 2. การวิเคราะห์ในแนวตั้งเพื่อแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางด้านการพูดของผู้เรียน ผลการวิจัยที่ได้รับคือระดับความสามารถทางด้านการพูดทั้งต้น กลาง และสูงของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยล้วนสูงกว่าระดับความสามารถของแนวทางกำหนดความสามารถทางการเรียนการสอนภาษาจีนขององค์กรภาษาต่างประเทศแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งพัฒนาการทางด้านการพูดของนิสิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยก็เร็วกว่าอีกด้วย ผู้วิจัยตระหนักถึงความแตกต่างนี้ว่ามีสาเหตุมาจาก 1)วิชาเอกภาษาจีนนั้นมีจุดประสงค์ของหลักสูตรที่แน่นอน ดังนั้นทักษะทางภาษาของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงต้องเป็นไปตามจุดประสงค์นั้นๆ 2)แนวทางกำหนดความสามารถด้านการพูดจัดทำขึ้นเพื่อนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยวิชาเอกภาษาจีน โดยเฉพาะ 3) ภาษาไทยเป็นภาษาที่อยู่ในตระกูลภาษาเดียวกันกับภาษาจีน คือ ตระกูลภาษาจีน-ธิเบต ซึ่งมักมีระบบเสียงและหลักไวยากรณ์ที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นนิสิตไทยจึงสามารถเรียนรู้ภาษาจีนได้ค่อนข้างเร็ว
Description: Thesis (M.A.)--Chulalongkorn University, 2006
Degree Name: Master of Arts
Degree Level: Master's Degree
Degree Discipline: Chinese as a Foreign Language
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/46718
URI: http://doi.org/10.14457/CU.the.2006.2061
metadata.dc.identifier.DOI: 10.14457/CU.the.2006.2061
Type: Thesis
Appears in Collections:Arts - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Pattra.pdf1.56 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.