Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/32699
Title: การศึกษาความคิดเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับผ้าอนามัย ในเขตกรุงเทพมหานคร
Other Titles: A study on the Bangkok Metropolitan consumers' opinion relating to sanitary napkins
Authors: อัปสร สินสวาสดิ์
Advisors: กุณฑลี เวชสาร
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย
Issue Date: 2530
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: การศึกษาความคิดเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับผ้าอนามัยเป็นหัวข้อที่น่าสนใจศึกษา เนื่องจากในปัจจุบันสภาพแวดล้อมทางสังคมได้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สตรีเข้ามามีบทบาทในสังคมมากยิ่งขึ้นกว่าในอดีต ผ้าอนามัยจึงเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตของสตรีที่มีอายุระหว่าง 11 – 50 ปี สินค้าผ้าอนามัยที่วางจำหน่ายอยู่ในตลาดขณะนี้มีจำนวนมากกว่า 20 ยี่ห้อ มีการแข่งขันกันอย่างมากทั้งทางด้านตัวผลิตภัณฑ์ และการส่งเสริมการจำหน่าย เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี พ.ศ. 2527 สินค้าผ้าอนามัยจากประเทศญี่ปุ่นหลายยี่ห้อได้ถูกนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทย โดยผลิตภัณฑ์ที่ถูกนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยมีลักษณะแตกต่างไปจากผ้าอนามัยที่มีวางจำหน่ายอยู่เดิม งบประมาณสำหรับการส่งเสริมการ จำหน่ายมีสูง เป็นผลให้ผ้าอนามัยหลายยี่ห้อที่มีอยู่เดิมพยายามปรับตัว เพื่อรักษาส่วนครองตลาดของตนให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ การศึกษาในเรื่องนี้จะทำให้ทราบถึงพฤติกรรม ความคิดเห็นและความต้องการของผู้บริโภคเกี่ยวกับสินค้าผ้าอนามัย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผ้าอนามัย และผู้บริโภคโดยทั่วไป การวางแผนในการศึกษา ได้ใช้วิธีการสำรวจโดยออกแบบสอบถามเพื่อสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้บริโภคสตรีไทยเกี่ยวกับผ้าอนามัย เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ขนาดตัวอย่างที่สำรวจมีจำนวน 300 ตัวอย่าง ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ รวมทั้งทำการสัมภาษณ์ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของบริษัทผู้ผลิตและบริษัทตัวแทนจำหน่ายสินค้าผ้าอนามัยเฉพาะยี่ห้อที่สำคัญ ผลที่ได้รับจากการศึกษาทำให้ทราบว่า ผู้บริโภคสตรีไทยจะเริ่มใช้ผ้าอนามัยเป็นครั้งแรกเมื่อมีอายุระหว่าง 14 -16 ปี จำนวนวันของการมีรอบเดือนแต่ละครั้งอยู่ระหว่าง 3 – 4 วัน ปริมาณผ้าอนามัยที่ใช้ต่อรอบเดือน คือ 9 – 10 ชิ้น ผู้บริโภคนิยมซื้อผ้าอนามัยจากร้านค้าปลีกใกล้บ้าน ผ้าอนามัยซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบันคือ โมเดส (MODESS) เหตุผลสำคัญที่สุดซึ่งผู้บริโภคเลือกใช้ผ้าอนามัยยี่ห้อที่ตนใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากผลิตภัณฑ์มีความสามารถในการซึมซับไดดี ส่วนสาเหตุที่ทำให้เปลี่ยนตรายี่ห้อของผ้าอนามัยที่ใช้อยู่เดิม เนื่องจากตรายี่ห้ออื่นมีคุณสมบัติพิเศษที่เหนือกว่า อย่างไรก็ตามผู้บริโภคมักนิยมใช้ผ้าอนามัยยี่ห้อที่ใช้อยู่ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 1 ปี ในการตัดสินใจเลือกตรายี่ห้อผ้าอนามัย ผู้บริโภคจะคำนึงถึงความสามารถในการซึมซับของผ้าอนามัยเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ แบบของผ้าอนามัยซึ่งแบบที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย คือ แบบแถบกาว ส่วนแบบสอดเป็นที่นิยมใช้น้อยมากและลักษณะการใช้เป็นครั้งคราวมากกว่าที่จะใช้ติดต่อกันเป็นประจำ ในด้านราคาของผ้าอนามัยในปัจจุบันมีทั้งผู้ที่เห็นว่ามีความเหมาะสมดีแล้ว และแพงเกินไป โดยผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มมีอัตราส่วนใกล้เคียงกันมาก ลักษณะของผ้าอนามัยที่ผู้บริโภคต้องการสำหรับอนาคตต้องมีขนาดหนาพอสมควร เพื่อให้มีเนื้อที่ซึมซับเพียงพอ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย มีรูปร่างสี่เหลี่ยมปลายมน ผู้บริโภคส่วนมากนิยมผ้าอนามัยที่มีสีขาว และปราศจากกลิ่นหอมพิเศษ หีบห่อบรรจุนิยมหีบห่อสีฟ้า มีขนาดบรรจุ 10 ชิ้นต่อกล่อง ปัญหาที่ผู้บริโภคมักจะประสบจากการใช้ผ้าอนามัย คือ ขนาดพอเหมาะแต่ซึมซับไม่ดีไหลออกด้านข้าง แถบกาวไม่ดี และขนาดหนาหรือบางเกินไป จากการวิเคราะห์ ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะคือ ในด้านตัวผลิตภัณฑ์จำเป็นที่ผู้บริหารจะต้องให้ความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องการซึมซับของผ้าอนามัย เพราะเป็นเหตุผลทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจใช้ตรายี่ห้อนั้นอยู่ต่อไป หรือเปลี่ยนตรายี่ห้อ ฝ่ายบริหารควรมีการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน และควรเพิ่มลักษณะใหม่ ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค และให้ผู้บริโภคหันมาซื้อ ในด้านราคาควรพิจารณาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ โดยมีการกำหนดราคาแตกต่างกันตามขนาดบรรจุ เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสตัดสินใจและเลือกซื้อได้ตามความต้องการ และที่สำคัญควรมีการทดสอบตลาดก่อนวางจำหน่ายจริง ในด้านช่องทางการจำหน่าย ควรมีการกระจายสินค้าไปยังสถานที่ซึ่งจะสามารถอำนวยความสะดวกในการหาซื้อแก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะร้านค้าปลีกโดยทั่วไป นอกจากนี้ควรมีการค้นหาช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ เพื่อให้สินค้าสามารถขายได้มากขึ้น การส่งเสริมการจำหน่ายสามารถกระทำได้หลายวิธี การเลือกใช้การส่งเสริมการจำหน่ายขึ้นอยู่กับโอกาสและช่วงเวลา เช่น การแจกตัวอย่าง การใช้ของแถม การชิงโชค การลดราคา เป็นต้น การโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ ก็เป็นสิ่งสำคัญ การโฆษณาควรมีแนวความคิดในการโฆษณาอย่างชัดเจน สื่อโฆษณาที่ควรใช้เป็นสื่อหลัก คือ โทรทัศน์และควรโฆษณาเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความคุ้นเคย และจดจำตรายี่ห้อได้ การประชาสัมพันธ์ มีส่วนช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีต่อสินค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัทผู้ผลิตหรือบริษัทตัวแทนจำหน่ายกับผู้ผลิตโภคกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย
Other Abstract: A study on the Bangkok Metropolitan consumers’ opinions relating to sanitary napkins is an interesting topic. Because of the changing social environment, women play greater roles in society Sanitary. napkin is an essential product for women especially for those between the age of 11 – 50 years. Presently, There are over twenty brands of sanitary napkins in Thailand. Several new brands from Japan were introduced into the Thai market. These brands are differentiated from others. They have implemented heavy advertizing campaigns which have caused the existing brands to step up their activities in order to maintain their market shares at a satisfactory level. This study provides insight and useful information on consumer behavior, opinions and attitudes toward sanitary napkins that will be useful to marketers and those who are involved with this type of business. The study is based on questionnaires made out to three hundred female consumers who live in Bangkok Metropolitan using a systematic random sampling method. Marketing managers of the outstanding brands of sanitary napkins were also interviewed as part of the study. Results of the study reveal that the majority of consumers begin to use sanitary napkins at the age of 14 -16 years, menstruation period is approximately 3 – 4 days, 9 -10 pieces of sanitary napkins are used per month. A product is purchased from the nearest store. A brand selection is determined by absorption capacity of the sanitary napkins. The most popular brand is “MODESS”. For brand switching, consumers will purchase a new brand if it has a better qualification than one they use before. A time period for using a present brand is one year. For buying decision. most consumers are concerned with absorbency and type of sanitary napkins. An adhesive type is the most popular one and a tampon type is the least used by consumers. For consumers attitude towards pricing, there is no significant difference between those who are satisfied with the current price and those who think that the price of the present brand is too high. Concerning the future sanitary napkins qualification, most consumers prefer thicker sanitary napkins for better absorption with round end shape, white color without special fragrance. A package size that consumers prefer is 10 – 12 pieces per box. Some problems that consumers face when using the product are the quality of the product. Some brands have less absorption which cause liquid spill out on the sides. The other problems are products which are too thick or too thin and have poor quality adhesive. Results from the study suggest that marketing executives should pay more attention to a product’s qualifications especially in the area of absorbency of the sanitary napkins. It is found from the study that the absorbency of the product is the main reason that makes consumers stay with the brand or switch to another brand. Quality control is a very important aspect of the production process. New product attributes should be innovated for marketing purposes. For pricing, marketers should set price levels which suitably matches the demand of customers. Marketers should also pay attention to the market testing before the product actually enters the market. For channel of distribution, a sale manager should concentrate on high level of distribution especially to small groceries and actively search for new channels of distribution or outlets to increase sales volume. For promotion, there are several kinds of promotion a manager can choose. The promotion program depends on timing and market situation. For instance, free sampling, premium, prize drawing and price – off’ s. Advertising and public relations are also important factors for the success of the product. The company should have clear advertising concept and using the television as the main media. The advertising should be programmed regularly in order to consumers recognize the brand. The company should emphasize not only advertising but also public relations because a public relation campaign will create positive brand image to the target group. Consequently, the relationship between the company and the public will result.
Description: วิทยานิพนธ์ (บธ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2530
Degree Name: บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: บริหารธุรกิจ
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/32699
ISBN: 9745677671
Type: Thesis
Appears in Collections:Grad - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Upsorn_si_front.pdf16.08 MBAdobe PDFView/Open
Upsorn_si_ch1.pdf15.64 MBAdobe PDFView/Open
Upsorn_si_ch2.pdf28.89 MBAdobe PDFView/Open
Upsorn_si_ch3.pdf49.35 MBAdobe PDFView/Open
Upsorn_si_ch4.pdf62.58 MBAdobe PDFView/Open
Upsorn_si_ch5.pdf20.92 MBAdobe PDFView/Open
Upsorn_si_back.pdf48.48 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.