Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/49914
Title: | การทำนายความขรุขระของผิวชิ้นงานในกระบวนการกลึงโดยประยุกต์ใช้การแปลงเวฟเลทของ แรงตัดพลวัต |
Other Titles: | In process surface roughness prediction in turning process utilizing wavelet transform of dynamic cutting force. |
Authors: | ทองพรรณราย มัยโชติ |
Advisors: | สมเกียรติ ตั้งจิตสิตเจริญ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะวิศวกรรมศาสตร์ |
Advisor's Email: | Somkiat.Ta@Chula.ac.th,smart_tee@hotmail.com |
Subjects: | ความหยาบผิว เวฟเล็ต (คณิตศาสตร์) เหล็กกล้าคาร์บอน Surface roughness Wavelets (Mathematics) Carbon steel |
Issue Date: | 2558 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอสมการทำนายความขรุขระผิวชิ้นงานในระหว่างกระบวนการกลึงเหล็กกล้าคาร์บอน ด้วยใบมีดคาร์ไบด์เคลือบผิว โดยศึกษาลักษณะความถี่ของสัญญาณแรงตัดพลวัตที่เกิดขึ้นในขณะกลึงชิ้นงาน โดยประยุกต์ใช้การแปลงเวฟเลทชนิดดอเบชีส์มาช่วยวิเคราะห์ และแยกสัญญาณแรงตัดพลวัตออกเป็นหลายระดับชั้น เพื่อชี้บ่งสัญญาณแรงตัดพลวัตที่เกิดจากการแตกหักของเศษโลหะ สัญญาณความขรุขระผิวชิ้นงานและสัญญาณรบกวนอื่นจากสัญญาณแรงตัดพลวัตที่เกิดขึ้น ผลการแปลงเวฟเลทของสัญญาณแรงตัดพลวัต สามารถอธิบายการเกิดเศษโลหะแบบแตกหักและเศษโลหะแบบต่อเนื่อง รวมถึงความขรุขระผิวชิ้นงานจากแรงตัดพลวัตได้อย่างละเอียด โดยที่ความสัมพันธ์ระหว่างความขรุขระผิวชิ้นงานและปัจจัยต่างๆ อาทิเช่น ความเร็วตัด อัตราการป้อนตัด ความลึกตัด รัศมีจมูกมีด มุมคายเศษโลหะ ได้ถูกนำมาพิจารณาในงานวิจัยนี้ร่วมด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความขรุขระผิวชิ้นงานในขณะตัด ซึ่งความถี่ของการแตกหักจากเศษโลหะจะเกิดขึ้นที่ระดับต่ำในการแปลงเวฟเลทของสัญญาณแรงตัดพลวัต และความถี่ของความขรุขระผิวชิ้นงานจะเกิดขึ้นในระดับสูงในการแปลงเวฟเลทสัญญาณของแรงตัดพลวัต โดยที่ความถี่ของความขรุขระผิวชิ้นงานจะเกิดขึ้นเสมอที่ระดับ 5 จากการแปลงเวฟเลทไม่ว่าเงื่อนไขในการตัดจะเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นจึงนำฟังก์ชันเอกโปเนนเชียลมาใช้พัฒนาสมการทำนายความขรุขระผิวชิ้นงานขณะตัด โดยการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณเพื่อหาค่าสัมประสิทธิ์ด้วยวิธีการกำลังสองน้อยที่สุด ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% พบว่าสมการทำนายค่าความขรุขระผิวชิ้นงานเฉลี่ยขณะตัด มีค่าความแม่นยำเท่ากับ 92.78% และสมการทำนายค่าความขรุขระผิวชิ้นงานสูงสุดขณะตัด มีค่าความแม่นยำเท่ากับ 93.46% ซึ่งสูงกว่างานวิจัยที่ผ่านมา |
Other Abstract: | The aim of the research is to identify the frequency of dynamic cutting forces occurred from the chip formation and the noise signals out from the original signals in order to predict the surface roughness during the cutting by utilizing the Daubachies wavelet transform. Not only the broken chip and the continuous chip but also the surface roughness can be explained by the use of the wavelet transform of dynamic cutting forces in both time domain and frequency domain. The relation between the surface roughness and other factors such as the cutting speed, the feed rate, the depth of cut, the tool nose radius and the rake angle is analyzed in this research which affect to the surface roughness during the cutting. The experimental results have showed that the chip breaking frequency appears at the low level of the wavelet transform of dynamic cutting forces. However, the surface roughness frequency occurs at the higher level of the wavelet transform of dynamic forces. The surface roughness frequency will certainly occur at the 5th level of the wavelet transform. The multiple regression analysis is utilized to obtain the regression coefficients by using the least square method at 95% confident level. The proposed model has been proved with the high accuracy of 91.89% for the average surface roughness and 91.79% for the average maximum height of the surface roughness |
Description: | วิทยานิพนธ์ (วศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2558 |
Degree Name: | วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | วิศวกรรมอุตสาหการ |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/49914 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2015.1304 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2015.1304 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Eng - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
5570914021.pdf | 20.93 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.