Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ศึกษาในเรื่องของผลกระทบและมาตรการทางกฎหมายและการปฏิบัติของประเทศไทยเมื่อรับเอาอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 138 ว่าด้วยอายุขั้นต่ำของการรับเด็กเข้าทำงานมาบังคับใช้ เพื่อที่จะเป็นแนวทางในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครองแรงงานเด็กในประเทศไทย รวมถึงเป็นแนวทางแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงกลไกในการขจัดการใช้แรงงานเด็ก จากการศึกษาวิเคราะห์พบว่ากฎหมายคุ้มครองแรงงานของประเทศไทยใช้บังคับครอบคลุมได้ก็แต่กับแรงงานเด็กในระบบเท่านั้น แต่ไม่สามารถให้ความคุ้มครองไปถึงแรงงานนอกระบบได้ เนื่องจากการตีความของคำว่า "แรงงาน" ตามกฎหมายไทยไม่รวมถึงงานนอกระบบที่ไม่มีความสัมพันธ์กันตามสัญญาจ้างแรงงาน ฉะนั้นจากการศึกษาวิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงพบว่า แรงงานเด็กในประเทศไทยยังคงได้รับความคุ้มครองไม่เทียบเท่ากับมาตรฐานแรงงาน เนื่องด้วยการคุ้มครองแรงงานเด็กทั้งตามมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศและตามความตกลงที่เกี่ยวกับสิทธิเด็ก ไม่ได้มุ่งที่จะให้ความคุ้มครองแต่เฉพาะลักษณะหรือเงื่อนไขในการทำงานเท่านั้น แต่ยังให้ความคุ้มครองไปถึงการแสวงหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากแรงงานเด็กด้วย การให้ความคุ้มครองจึงไม่ควรมุ่งลงไปที่เงื่อนไขหรือสภาพการจ้างงานแต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรมองถึงสิทธิพื้นฐานที่แรงงานเด็กควรจะได้รับ และการคุ้มครองเด็กจากการละเมิดสิทธินั้น รวมทั้งโอกาสในการเข้ารับการศึกษาด้วย ฉะนั้น ข้อเสนอแนะตามการศึกษาวิจัยนี้ จึงเป็นการเสนอให้ประเทศไทยรับเอาอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 138 มาบังคับใช้ โดยจะต้องวางมาตรการทั้งทางด้านการคุ้มครองแรงงาน มาตรการปราบปรามผู้ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงานเด็กรวมทั้งมาตรการทางการศึกษา ให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์สำคัญของทั้งอนุสัญญาฉบับนี้และความตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิเด็กซึ่งไม่เพียงแค่ให้การคุ้มครองแก่แรงงานเด็กเท่านั้น แต่ยังมุ่งหวังที่จะขจัดซึ่งการใช้แรงงานเด็กให้หมดไป การดำเนินการตามมาตรการเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อประสิทธิภาพของการบังคับใช้และเมื่อมาตรการเหล่านี้สามารถดำเนินการจนเป็นผลสำเร็จ การแสวงหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อแรงงานในทุกรูปแบบและการใช้แรงงานเด็กก็จะหมดไป ซึ่งจะเป็นผลให้เด็กกลับไปสู่สถานศึกษาเพื่อกลับมาพัฒนาตนเองและประเทศชาติต่อไป