Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารราชการของนักข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบเปิด เปรียบเทียบก่อนและหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ปัญหาและอุปสรรคของนักข่าวในการใช้ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และเพื่อศึกษาแนวทางและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงเนื้อหาของ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ระเบียบวิธีวิจัยที่ใช้ในการศึกษา คือ การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกกับ ผู้เชี่ยวชาญสาขาสื่อสารมวลชน ผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ระบบเปิดทั้ง 6 สถานี คณะกรรมการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ และนำข้อมูลที่ได้มาออกแบบสอบถามนักข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์ ผลของการศึกษาวิจัยพบว่า 1. การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารราชการของนักข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์ภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ดีขึ้น ด้วยเหตุผลว่าข้อมูลที่ได้รับถูกต้อง น่าเชื่อถือและละเอียดขึ้น อีกทั้งมีประโยชน์กับผู้ที่ไม่มีความสัมพันธ์ตัวกับแหล่งข่าวราชการ 2. ปัญหาและอุปสรรคของนักข่าวโทรทัศน์ คือ การไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการเท่าที่ควรเนื่องจากเจ้าหน้าที่ราชการไม่แน่ใจว่าสามารถเปิดเผยข้อมูลได้มากน้อยเพียงไร นอกจากนั้นความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาและการใช้สิทธิตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ ของทั้ง ข้าราชการ และนักข่าวโทรทัศน์ยังไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ปัญหาสำคัญอีกประการคือทัศนคติของนักข่าวโทรทัศน์ ที่เป็นว่าการทำข่าวแบบเจาะลึกควรเป็นหน้าที่ของนักข่าวหนังสือพิมพ์ 3. ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงเนื้อหาตลอดจนแนวทางเพื่อการปฏิบัติให้ได้ผลดีของ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ที่รวบรวมได้จากการสัมภาษณ์และจากการออกแบบสอบถาม ได้แก่ 3.1 ควรระบุเนื้อหาส่วนที่เป็นข้อยกเว้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 3.2 ควรอบรมผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ทุกระดับ เกี่ยวกับเนื้อหา และการใช้สิทธิตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 3.3 ควรอบรมข้าราชการให้ทราบแนวทางปฏิบัติในการเปิดเผยข้อมูลราชการ เนื่องจาก พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เป็นกฎหมายใหม่ที่ประกาศใช้ได้ไม่นาน และปลูกฝังทัศนคติเชิงบวกในการให้ข้อมูลข่าวสารราชการแก่ประชาชน 3.4 คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ควรมีความเป็นอิสระในโครงสร้าง และประกอบด้วยบุคคลจากหลากหลายอาชีพ มิใช่เน้นข้าราชการเช่นปัจจุบัน