Abstract:
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงทดลองเพื่อศึกษาอิทธิพลของปัจจัยด้านสถานการณ์ และปัจจัยด้านบุคลิกภาพที่มีต่อการรับสารภาพเท็จของกลุ่มตัวอย่างในระหว่างกระบวนการสอบสวน โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีทั้งหมด 165 คน การวิจัยครั้งนี้วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกและผลที่ได้พบว่าจากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 165 คน มีกลุ่มตัวอย่างที่ยอมรับสารภาพเท็จทั้งหมด 71 คน ในการวิจัยครั้งนี้สมการถดถอยโลจิสติกสามารถทำนายการรับสารภาพเท็จได้ถูกต้องร้อยละ 64.8 โดยที่เทคนิคการสอบสวน หลักฐานเท็จ และการยอมตามเป็นตัวแปรที่สามารถทำนายการรับสารภาพเท็จได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .01) ส่วนอัตราเร็วในการพิมพ์และการคล้อยตามสิ่งชี้นำในกระบวนการซักถามไม่สามารถทำนายการรับสารภาพเท็จได้ นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการสอบสวนแบบลดความรุนแรงจะยอมรับสารภาพเท็จมากกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการสอบสวนแบบเพิ่มความรุนแรง และการยอมตามเป็นตัวแปรที่สามารถทำนายการรับสารภาพเท็จได้ดีกว่าการคล้อยตามสิ่งชี้นำในกระบวนการซักถาม เมื่อพิจารณาสมการถดถอยโลจิสติกที่ประกอบไปด้วยตัวแปรต้นทั้งหมด (ได้แก่ เทคนิคการสอบสวน, หลักฐานเท็จ, การยอมตาม, การคล้อยตามสิ่งชี้นำในกระบวนการซักถาม, และอัตราเร็วในการพิมพ์) พบว่าสมการดังกล่าวเป็นสมการที่สามารถทำนายความเป็นไปได้ที่กลุ่มตัวอย่างจะรับสารภาพเท็จได้ดีที่สุด โดยสามารถทำนายการรับสารภาพเท็จได้ร้อยละ 18.00 (R2CS= .18) ในขณะที่ในสมการที่มีเพียงตัวแปรด้านสถานการณ์ ได้แก่ เทคนิคการสอบสวน หลักฐานเท็จ และอัตราเร็วในการพิมพ์ สามารถทำนายการรับสารภาพเท็จได้รองลงมา และโมเดลที่ประกอบไปด้วยตัวแปรด้านบุคลิกภาพ ได้แก่ การยอมตาม และการคล้อยตามสิ่งชี้นำในกระบวนการซักถาม สามารถทำนายการสารภาพเท็จได้ต่ำที่สุด