Abstract:
ที่ผ่านมารัฐได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของอันตรายที่เกิดจากบุหรี่ จึงได้ออกมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการทางภาษีสรรพสามิตที่ได้มีการปรับเพดานเพิ่มขึ้นจาก 80% เป็น 90% อย่างไรก็ตามมาตรการเพิ่มภาษีก็อาจทำให้ราคาโดยเปรียบเทียบ ของบุหรี่ซองถูกกฎหมายสูงกว่าบุหรี่ซองผิดกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้บริโภคบุหรี่ซองถูกกฎหมายหันไปบริโภคบุหรี่ซองผิดกฎหมายแทน และในท้ายที่สุดรัฐก็อาจจะไม่สามารถลดปริมาณการบริโภคบุหรี่ซองให้หมดไปได้ตามที่ได้วางเป้าหมายไว้ วัตถุประสงค์ในการศึกษานี้ประกอบด้วย 3 ข้อ ได้แก่ 1. การประมาณค่าอุปสงค์บุหรี่ซองผิดกฎหมาย 2. การศึกษาการปรับตัวระหว่างราคาบุหรี่ซองผิดกฎหมายกับราคาบุหรี่ซองถูกกฎหมาย ที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนของอัตราภาษีสรรพสามิต และ 3. การประมาณค่าความยืดหยุ่นของการทดแทนกัน ระหว่างบุหรี่ซองผิดกฎหมายกับบุหรี่ซองถูกกฎหมาย โดยข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลอนุกรมเวลาระหว่างปี 2534-2550
ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า การขึ้นภาษีสรรพสามิตจะส่งผลให้ผู้บริโภคบุหรี่ซองผิดกฎหมายทดแทนลดลง เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต จะส่งผลให้ราคาบุหรี่ซองผิดกฎหมายปรับตัวมากกว่าราคาบุหรี่ซองถูกกฎหมาย (บุหรี่ซองผิดกฎหมายมีราคาโดยเปรียบเทียบสูงกว่า) อย่างไรก็ตามการที่อุปสงค์บุหรี่ซองผิดกฎหมายมีแนวโน้มลดลง ก็มิได้หมายความว่า อุปสงค์บุหรี่ซองผิดกฎหมายจะหมดไป ดังนั้นเพื่อให้การควบคุมการบริโภคบุหรี่ซองมีประสิทธิภาพมากขึ้น รัฐจึงควรดำเนินมาตรการอื่นๆ ควบคู่กับมาตรการทางภาษีด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการป้องกันและปราบปราม เพื่อที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุม หรือขจัดการลักลอบนำเข้าบุหรี่ซองผิดกฎหมายที่ถูกกระตุ้นจากการปรับขึ้นภาษี และในท้ายที่สุดก็จะส่งผลให้บุหรี่ซองผิดกฎหมาย มีต้นทุนในการลักลอบและมีราคาโดยเปรียบเทียบสูงกว่าบุหรี่ซองถูกกฎหมายได้