Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความต้องการในการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนเพื่อพัฒนาความสามารถในการเลี้ยงดูบุตรสำหรับบิดาหรือมารดาที่ต้องเลี้ยงดูบุตรตามลำพัง จำแนกตามภูมิหลัง 2) เพื่อนำเสนอโปรแกรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของบิดาหรือมารดาที่ต้องเลี้ยงดูบุตรตามลำพัง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย บิดาหรือมารดาที่ต้องเลี้ยงดูบุตรตามลำพังที่เข้าร่วมในโครงการพัฒนาเครือข่ายครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว จำนวน 97 คน กลุ่มแกนนำบิดาหรือมารดาที่ต้องเลี้ยงดูบุตรตามลำพัง จำนวน 5 คน และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว จำนวน 3 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดย การหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) ค่าความเบ้ (skewness) ค่าความโด่ง (kurtosis) ค่าสถิติที (t-test) และวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-way Analysis of Variance) ผลการวิจัยพบว่า 1. บิดาหรือมารดาที่ต้องเลี้ยงดูบุตรตามลำพังมีความต้องการในด้านเนื้อหาหลักสูตรมากที่สุด และต้องการเรียนรู้เรื่องการพัฒนาความสามารถทางอารมณ์ (E.Q) และคุณธรรม (M.Q) มากที่สุด 2. 2. ผลการเปรียบเทียบความต้องการในการจัดโปรแกรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนเพื่อพัฒนาความสามารถในการเลี้ยงดูบุตรมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่.05 เมื่อจำแนกตาม เพศ อายุ อาชีพ ฐานะทางเศรษฐกิจ สาเหตุของการเลี้ยงดูบุตร 3. โปรแกรมการศึกษานอกระบบโรงเรียน ประกอบด้วย 1) การศึกษาบริบท บริบทภายในคือข้อมูลพื้นฐานขององค์กร บริบทภายนอกคือ สภาพสังคมและการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ 2) การแสวงหาความร่วมมือ ผู้ให้การสนับสนุนในการพัฒนาโปรแกรมคือ มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง 3) แนวคิดเกี่ยวกับโปรแกรมมาจากการศึกษาความต้องการของสมาชิกทั่วไป แกนนำ และเจ้าหน้าที่ 4) การแยกแยะและจัดลำดับความคิด พิจารณาจากความต้องการของสมาชิกทั่วไป แกนนำ และเจ้าหน้าที่ ตามลำดับ 5) วัตถุประสงค์ของโปรแกรมคือ เพื่อพัฒนาความสามารถในการเลี้ยงดูบุตรด้วยโปรแกรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนที่สอดคล้องกับความต้องการของบิดาหรือมารดาที่ต้องเลี้ยงดูบุตรตามลำพัง 6) การเตรียมการถ่ายโอนการเรียนรู้ จัดการศึกษาโดยให้บุตรได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ 7) การสร้างแผนการประเมินผล ทำการประเมินผลภายหลังเสร็จสิ้นการจัดกิจกรรม โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในการคัดเลือกวิธีการประเมินผลร่วมกัน 8) กำหนดรูปแบบเป็นการเรียนเป็นกลุ่ม ปฎิทินการศึกษาขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้นำโปรแกรมการศึกษาไปใช้ 9) การเตรียมงบประมาณและการวางแผนการตลาด แหล่งทุนมาจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 10) การสร้างแผนการเรียนการสอน ควรใช้วิธีการจัดการศึกษาแบบบูรณาการและบรรยายให้ความรู้ ในหัวข้อที่เกี่ยวกับการพัฒนาความสามารถทางอารมณ์และคุณธรรม จิตวิทยาพัฒนาการเด็กและวัยรุ่น 11) การประสานงานในการจัดสิ่งอำนวยความสะดวก ในการปฏิบัติโปรแกรมภาคสนาม ควรจัดกิจกรรมในสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางการเดินทางในเขตกรุงเทพมหานคร ในวันเสาร์หรืออาทิตย์ นอกเวลาราชการ 12) การประชาสัมพันธ์ผลการจัดโปรแกรมแก่สมาชิกในโครงการควรกระจายข่าวสารผ่านทางวารสารมูลนิธิที่จัดส่งทางไปรษณีย์ 4. ผลการนำเสนอโปรแกรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนแก่ผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า องค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดมีความเหมาะสม และมีข้อเสนอแนะในการนำโปรแกรมการศึกษาที่นำเสนอไปใช้จริงให้รายละเอียดในแต่ละองค์ประกอบเพิ่มเติมตามความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์ และควรแสวงหาผู้สนับสนุนการจัดโปรแกรมเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่มีอยู่