Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา วิธีการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา กรุงเทพมหานคร ตามวิธีการเรียน 3 วิธี คือ วิธีการเรียนแบบผิวเผิน วิธีการเรียนแบบรู้ลึก และวิธีการเรียนแบบใฝ่สัมฤทธิ์ และเปรียบเทียบวิธีการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนแผนการเรียนต่างกัน และมีผลสัมฤทธิ์ในการเรียนภาษาอังกฤษต่างกัน กลุ่มตัวอย่างประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา กรุงเทพมหานคร จำนวน 825 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น และเมื่อนำแบบสอบถามวิธีการเรียนวิชาภาษาอังกฤษไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างประชากร พบว่า มีนักเรียนที่มีวิธีการเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่แน่นอน จำนวน 801 คน เป็นนักเรียนในแผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ 253 คน แผนการเรียนภาษาอังกฤษ-ฝรั่งเศส 283 คน และแผนการเรียนภาษาอังกฤษ-คณิตศาสตร์ 265 คน ผู้วิจัยนำแบบสอบวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรียนภาษาอังกฤษที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างประชากรและแบ่งกลุ่มตัวอย่างประชากร ออกเป็นกลุ่มที่มีผลสัมฤทธิ์ในการเรียนภาษาอังกฤษ สูง กลาง และ ต่ำ โดยใช้เทคนิค ร้อยละ 27 ได้จำนวนนักเรียนในกลุ่มสูง 216 คน กลุ่มกลาง 369 คน และกลุ่มต่ำ 216 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่ามัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความถี่ ร้อยละ และค่าสถิติไคสแควร์ ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา กรุงเทพมหานครส่วนใหญ่มีวิธีการเรียนวิชาภาษาอังกฤษแบบผิวเผิน รองลงไปคือ วิธีการเรียนวิชาภาษาอังกฤษแบบใฝ่สัมฤทธิ์ และวิธีการเรียนวิชาภาษาอังกฤษแบบรู้ลึก ตามลำดับ 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา กรุงเทพมหานครที่เรียนแผนการเรียนต่างกัน มีวิธีการเรียนวิชาภาษาอังกฤษไม่แตกต่างกัน 3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา กรุงเทพมหานคร ที่มีผลสัมฤทธิ์ในการเรียนภาษาอังกฤษต่างกัน มีวิธีการเรียนวิชาภาษาอังกฤษต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01