Abstract:
คำว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ได้มีการบัญญัติรับรองไว้ในมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และหลังจากที่ได้มีการประกาศให้มีผลบังคับใช้นั้น ทำให้พบปัญหา ในการตีความข้อกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวว่า จะครอบคลุมถึงการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐด้วยหรือไม่ หรือเป็นบทบัญญัติที่มุ่งให้ความคุ้มครองเฉพาะชนชาวไทยเท่านั้น เพราะหากไม่ได้ให้การคุ้มครองแล้วมีการละเมิด ต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไร้สัญชาติหรือคนไร้รัฐแล้ว ก็ย่อมที่จะทำให้บุคคลดังกล่าวไม่สามารถ จะอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ขึ้นเพื่อโต้แย้งการละเมิดเช่นนั้นได้ ในทางกลับกัน หากถือว่ารัฐต้องให้การ คุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐด้วยก็ต้องพิจารณาว่า ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไว้หรือไม่ จากผลการศึกษาพบว่า คนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐยังคงถูกละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่าง ไร้เหตุผล ถูกกดขี่ข่มเหงและเอารัดเอาเปรียบในหลากหลายรูปแบบอย่างไร้มนุษยธรรม อีกทั้งยังไม่สามารถ เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงและเพียงพอในระดับที่มนุษย์พึงมีพึงได้เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ เนื่องจากยังมีปัญหาในเชิงนโยบายจากภาครัฐ การมีอคติทางชาติพันธุ์ที่ครอบงำความคิดและทัศนคติของผู้คนต่อคนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐโดยเฉพาะจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ และขาดความร่วมมืออย่างจริงจังในทางระหว่างประเทศ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมีความคาดหวังที่จะศึกษาถึงสภาพปัญหาที่คนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐยังคงถูกละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติรับรองไว้ และประเทศไทยก็ได้เข้าร่วมเป็นภาคีในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่สนับสนุนให้มีมนุษย์มีความเสมอภาคเท่าเทียมกันสังคม เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุและที่มาของการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของ คนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐเพื่อนำไปหาบทสรุปที่จะสามารถนำใช้แก้ไข และทำให้การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามรัฐธรรมนูญสามารถนำไปใช้ได้อย่างแท้จริง และปัญหาการละเมิดต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐก็จะได้หมดสิ้นไปด้วย