Abstract:
การรวมกลุ่มแข่งขันรถจักรยานยนต์บนทางสาธารณะเป็นปัญหาเกิดขึ้นจากการที่เหล่าวัยรุ่นนักบิดทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ได้นำเอารถจักรยานยนต์ไปดัดแปลงตกแต่งเพื่อนำออกแข่งกับผู้อื่นบนทางสาธารณะโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร การกระทำเช่นนี้ได้เป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย ซึ่งกฎหมายที่ได้นำมาบังคับใช้ในปัจจุบันยังไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบทกฎหมายหลัก คือ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ที่พบว่า ไม่สามารถปรับใช้กับความผิดฐานแข่งรถในทางโดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา 134 ได้ เนื่องจาก หลักเกณฑ์ที่ศาลได้กำหนดขึ้นเพื่อพิจารณาว่ากรณีใดที่ถือว่าเป็นการแข่งขันไม่สอดคล้องกับลักษณะการกระทำความผิด และจะนำมาปรับใช้ได้ต่อเมื่อมีการแข่งขันเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น หากเป็นเพียงแค่การรวมกลุ่มเพื่อแข่งขัน ยังไม่สามารถปรับใช้ได้ ทำให้เกิดปัญหาการไม่สามารถจับกุมได้อย่างทันท่วงที และยากต่อการรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานตำรวจ จึงต้องเลี่ยงไปนำเอาความผิดบทอื่นมาปรับใช้แทน อีกทั้งบทกำหนดโทษยังอยู่ในระดับที่ต่ำเกินสมควร และในกรณีที่มีการกระทำความผิดซ้ำก็ไม่สามารถนำเอาบทเพิ่มโทษกรณีกระทำความผิดซ้ำในประมวลกฎหมายอาญามาปรับใช้ได้ รวมถึง มีการใช้วิธีการสำหรับเด็ก มากกว่ามาตรการลงโทษทางอาญากับบุคคลที่มีอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี ทั้งๆที่เป็นกรณีของการกระทำความผิดซ้ำๆ ด้วยเหตุดังที่กล่าวมาข้างต้น จึงเสนอแนะให้ควรมีการกำหนดลักษณะของการแข่งขันให้มีความชัดแจ้งครอบคลุมมากยิ่งขึ้น กำหนดให้การรวมกลุ่มเพื่อแข่งขันเป็นความผิดเพิ่มเติม แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษค่าปรับในฐานความผิดดังกล่าวให้สูงขึ้น บัญญัติบทเพิ่มโทษกรณีกระทำความผิดซ้ำโดยเฉพาะ และบัญญัติให้ศาลนำเอาการกระทำความผิดซ้ำของเด็กและเยาวชนมาใช้พิจารณาในการกำหนดมาตรการลงโทษทางอาญา อันจะทำให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการรวมกลุ่มแข่งขันรถจักรยานยนต์บนทางสาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น