Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหลักเกณฑ์การอำนวยความสะดวกการผ่านพิธีการศุลกากรสำหรับการนำเข้าของบรรเทาทุกข์ที่ปรากฏในกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยศุลกากรของประเทศไทยที่ไม่มีพิธีการศุลกากรบังคับใช้ในการอำนวยความสะดวกสำหรับการนำเข้าของบรรเทาทุกข์ไว้โดยเฉพาะ จากการศึกษาพบว่าในกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอนุสัญญาระหว่างประเทศและตราสารต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้ปรากฏหลักเกณฑ์การอำนวยความสะดวกการผ่านพิธีการศุลกากรสำหรับการนำเข้าของบรรเทาทุกข์ที่สอดคล้องกันทั้งหมด 6 ประการ ได้แก่ คำนิยาม เรื่องระยะเวลา การปรับปรุงขั้นตอนพิธีการศุลกากรให้รวดเร็ว การยกเว้นค่าภาษีอากรและค่าใช้จ่ายต่างๆ การผ่อนผันข้อห้ามข้อจำกัด และการจัดการของบรรเทาทุกข์ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ทีช่วยให้การนำเข้าของบรรเทาทุกข์นั้นรวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ ประเทศที่ได้นำหลักเกณฑ์ข้างต้นมาใช้ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยศุลกากรของตน จะทำให้ผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและลดความสูญเสียในวงกว้างได้ สำหรับประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยศุลกากรที่ใช้บังคับในปัจจุบัน ไม่มีพิธีการศุลกากรที่ใช้อำนวยความสะดวกสำหรับการนำเข้าของบรรเทาทุกข์ไว้โดยเฉพาะ อีกทั้งมิได้บัญญัติขึ้นเพื่อบังคับใช้ในสถานการณ์เร่งด่วนเมื่อเกิดภัยพิบัติ การบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยศุลกากรในปัจจุบันจึงกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้การนำเข้าของบรรเทาทุกข์ล่าช้า ดังนั้น ประเทศไทยจึงควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยศุลกากรให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของกฎหมายระหว่างประเทศข้างต้น โดยหลักเกณฑ์เรื่องคำนิยาม หลักเกณฑ์เรื่องระยะเวลา หลักเกณฑ์การยกเว้นค่าภาษีอากรและค่าใช้จ่ายต่างๆ หลักเกณฑ์การผ่อนผันข้อห้ามข้อจำกัด และหลักเกณฑ์การจัดการของบรรเทาทุกข์ ควรแก้ไขเพิ่มเติมในพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ภาค 4 และพระราชบัญญัติศุลกากร พระพุทธศักราช 2469 ส่วนหลักเกณฑ์เรื่องการปรับปรุงขั้นตอนพิธีการศุลกากรให้รวดเร็ว อันเป็นหลักเกณฑ์ที่กำหนดหน้าที่และขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าของบรรเทาทุกข์ ควรแก้ไขเพิ่มเติมในประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. 2556 ซึ่งการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยศุลกากรของประเทศไทยดังกล่าวย่อมเป็นประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถอำนวยความสะดวกการผ่านพิธีการศุลกากรสำหรับการนำเข้าของบรรเทาทุกข์ได้อย่างรวดเร็วและทำให้ผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในประเทศไทยได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที