DSpace Repository

ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครอง, กลวิธีการเผชิญปัญหา และความพึงพอใจในชีวิตในนักศึกษามหาวิทยาลัย

Show simple item record

dc.contributor.advisor ณัฐสุดา เต้พันธ์
dc.contributor.author กิตติคุณ ซึ้งหฤทัย
dc.contributor.author เทพประทาน สีดาบุตร
dc.contributor.author ศุภณัฐ รอดหลง
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะจิตวิทยา
dc.date.accessioned 2015-11-03T03:02:58Z
dc.date.available 2015-11-03T03:02:58Z
dc.date.issued 2557
dc.identifier.other PSP5717
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/46901
dc.description โครงงานทางจิตวิทยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2557 en_US
dc.description A senior project submitted in partial fulfillment of the requirements for the Degree of Bachelor of Science in Psychology, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University, Academic year 2014 en_US
dc.description.abstract การวิจัยในครั้งนี้มุ่งศึกษาหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรการรับรู้ความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครอง กลวิธีการเผชิญปัญหา และความพึงพอใจในชีวิต เพื่อศึกษาว่าแต่ละตัวแปรมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในชีวิตอย่างไร และสามารถทำนายความพึงพอใจในชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยได้หรือไม่ โดยศึกษาในกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี จำนวน 184 คน อายุตั้งแต่ 18-22 ปี ผู้วิจัยเก็บข้อมูลโดยการแจกแบบวัดการรับรู้ความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองของบุตร (α = .925) แบบวัดกลวิธีการเผชิญปัญหา (α รายกลุ่มพฤติกรรม > .70) แบบวัดความพึงพอใจในชีวิต (α = .80) และแบบสอบถามข้อมูลทั่วไปแก่กลุ่มตัวอย่าง จากนั้นนำข้อมูลไปวิเคราะห์โดยใช้สถิติสหสัมพันธ์ทางสถิติแบบเพียร์สัน (Pearson-product moment correlation coefficient) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ด้วยวิธีใส่ตัวแปรอิสระเข้าสมการทุกตัวพร้อมกัน (Enter) ตามกรอบแนวคิดการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า กลวิธีการเผชิญปัญหาแบบการเผชิญหน้ากับปัญหาโดยตรง [r(182) = .195, p < .01, หนึ่งหาง] กลวิธีการเผชิญปัญหาแบบการแสวงหาการสนับสนุนทางสังคม [r(182) = .167, p < .05, หนึ่งหาง] และกลวิธีการเผชิญปัญหาแบบการวางแผน [r(182) = .144, p < .05, หนึ่งหาง] มีสหสัมพันธ์ทางบวกกับความพึงพอใจในชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในทางตรงกันข้ามการรับรู้ความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองของบุตร [r(182) = -.348, p < .01, หนึ่งหาง] และกลวิธีการเผชิญปัญหาแบบการหมกมุ่นในอารมณ์ [r(182) = -.334, p < .01, หนึ่งหาง] มีสหสัมพันธ์ทางลบกับความพึงพอใจในชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ยังพบว่าการรับรู้ความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองของบุตร(β = -.243, p < .01) กลวิธีการเผชิญปัญหาแบบหลีกหนีปัญหา (β = .193, p < .05) กลวิธีการเผชิญปัญหาแบบการแสวงหาการสนับสนุนทางสังคม (β = .200, p < .01) และกลวิธีการเผชิญปัญหาแบบการหมกมุ่นในอารมณ์ (β = -.351, p < .001) สามารถร่วมกันทำนายความพึงพอใจในชีวิตได้ อย่างไรก็ตามพบว่ากลวิธีการเผชิญปัญหาแบบการหมกมุ่นในอารมณ์มีอำนาจในการทำนายความพึงพอใจในชีวิตสูงที่สุด โดยมีการรับรู้ความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองของบุตรมีคะแนนรองลงมา en_US
dc.description.abstractalternative This study was aimed to examine relationships between perception of interparental conflict, coping strategies, and life satisfaction, and how life satisfaction would be predicted by interparental conflict and coping strategies. Data were collected from university students. 184 undergraduates. Participants completed a demographic questionnaire, Children’s Perception of Interparental Conflict Scale (CPIC) (α = .925), Coping Strategies Scale (α per behavior groups > .70), and Satisfaction with Life Scale (SWLS) (α = .80). Data were analyzed by using Pearson-product moment correlation and Multiple Regression Analysis (Enter method). The result showed that active coping strategies [r(182) = .195, p < .01, one-tailed], social support seeking coping strategies [r(182) = .167, p < .05, one-tailed], and planning coping strategies [r(182) = .144, p < .05, one-tailed] were positively associated with life satisfaction. Perception of interparental conflict [r(182) = -.348, p < .01, one-tailed] and ruminative coping strategies [r(182) = -.334, p < .01, one-tailed] were negatively associated with life satisfaction. Moreover, perception of interparental conflict (β = -.243, p < .01), avoidant coping strategies (β = .193, p < .05), social support seeking coping strategies (β = .200, p < .01), and ruminative coping strategies (β = -.351, p < .001) significantly predicted life satisfaction and explained 24.0% of its variance. In addition, ruminative coping strategies was strongest in its predictive power, and followed by perception of interparental conflict. en_US
dc.language.iso th en_US
dc.publisher คณะจิตวิทยา. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.relation.uri http://doi.org/10.14457/CU.the.2014.1381
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.subject ครอบครัว en_US
dc.subject การปรับตัว (จิตวิทยา) en_US
dc.subject Domestic relations en_US
dc.subject Adjustment (Psychology) en_US
dc.title ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครอง, กลวิธีการเผชิญปัญหา และความพึงพอใจในชีวิตในนักศึกษามหาวิทยาลัย en_US
dc.title.alternative RELATIONSHIPS BETWEEN PERCEPTION OF INTERPARENTAL CONFLICT, COPING STRATEGIES, AND LIFE SATISFACTION en_US
dc.type Senior Project en_US
dc.email.advisor nattasuda.t@chula.ac.th
dc.identifier.DOI 10.14457/CU.the.2014.1381


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record