Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีความมุ่งหมายในการศึกษาวิเคราะห์ความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการเลือกตั้งในกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่บัญญัติในพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 เพื่อนำมาตรการของกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินมาใช้บังคับ ว่ามี ประสิทธิภาพเพียงพอและบรรลุผลสำเร็จแล้วหรือไม่ ผลของการศึกษาพบว่า การกำหนดให้การทุจริตการเลือกตั้งเป็นความผิดมูลฐานตาม กฎหมายป้องกันและปราบปราบการฟอกเงินนั้น ยังมีข้อบกพร่องและไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เนื่องจากยังไม่ครอบคลุมการเลือกตั้งในทุกระดับ และการนำมาตรการยึดทรัพย์สินทางแพ่งดำเนินการกับเงินหรือทรัพย์สินที่ใช้กระทำความผิดยังมีข้อจำกัด ทำให้ไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ผู้เขียนจึงเสนอให้มี การกำหนดให้การแก้ไขปัญหาทุจริตการเลือกตั้ง เป็นนโยบายของรัฐหรือนโยบายแห่งชาติ และมีกฎหมายพิเศษเฉพาะมาบังคับใช้ คือ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยกำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการทุจริต เป็นความผิด มูลฐาน เพื่อให้ครอบคลุมและทั่วถึงการเลือกตั้งในทุกระดับ และนำมาตรการทางกฎหมายมาใช้ เนื่องจากมีบทลงโทษทางอาญาที่รุนแรงพอสมควร และข้อสำคัญคือ มีมาตรการยึดทรัพย์สินทางแพ่งที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ลดจำนวนผู้กระทำความผิดและสกัดกั้นเงินหรือทรัพย์สินที่จะใช้ในการกระทำความผิด นอกจากนี้ควรมีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะ เพื่อฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม และมีการติดตามประเมินผลและแนวทางแก้ไข เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ