Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นของครูในการพัฒนาคุณลักษณะเด็กอนุบาลไทยสู่ประชาคมอาเซียนใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับอาเซียน ด้านการสร้างสภาพแวดล้อมที่เคารพในความแตกต่าง และด้านการเป็นแบบอย่างความเป็นพลเมืองอาเซียน 2) เพื่อเสนอแนวทางสำหรับครูในการพัฒนาคุณลักษณะเด็กอนุบาลไทยสู่ประชาคมอาเซียน ตัวอย่าง คือ ครูอนุบาลโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 397 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม และแนวคำถามในการประชุมกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที ด้วยวิธีการเปรียบเทียบ และใช้เทคนิค Modified Priority Needs Index และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1. ค่าเฉลี่ยของการปฏิบัติในการพัฒนาคุณลักษณะเด็กอนุบาลไทยสู่ประชาคมอาเซียนทั้งสภาพที่เป็นจริง และสภาพที่ควรจะเป็นมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกด้าน คือ ด้านการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับอาเซียน ได้แก่ การให้ความรู้เกี่ยวกับประเทศอาเซียน การฝึกทักษะการเป็นพลเมืองอาเซียน การสร้างเจตคติที่ดีต่อการเป็นอาเซียน ด้านการสร้างสภาพแวดล้อมที่เคารพในความแตกต่าง ได้แก่ การสร้างสังคมประชาธิปไตยในห้องเรียน การส่งเสริมความเข้าใจในความแตกต่างระหว่างตนเองและผู้อื่น การสนับสนุนการปฏิสัมพันธ์ที่เป็นมิตรไมตรี ด้านการเป็นแบบอย่างความเป็นพลเมืองอาเซียน ได้แก่ การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การเรียนรู้และพัฒนาตนเอง การมีสุขภาวะทางกายและใจที่ดี แสดงว่า ครูมีความต้องการจำเป็นในการพัฒนาคุณลักษณะเด็กอนุบาลไทยสู่ประชาคมอาเซียนทุกด้าน 2. ด้านที่มีความต้องการจำเป็นมากที่สุด คือ การเป็นแบบอย่างความเป็นพลเมืองอาเซียน รองลงมาคือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เคารพในความแตกต่าง และการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับอาเซียน ตามลำดับโดยด้านการเป็นแบบอย่างความเป็นพลเมืองอาเซียน พบว่า การมีสุขภาวะทางกายและใจที่ดีมีความต้องการจำเป็นมากที่สุด ด้านการสร้างสภาพแวดล้อมที่เคารพในความแตกต่าง พบว่า การสนับสนุนการปฏิสัมพันธ์ที่เป็นมิตรไมตรีมีความต้องการจำเป็นมากที่สุด ด้านการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับอาเซียน พบว่า การสร้างเจตคติที่ดีต่อการเป็นอาเซียนมีความต้องการจำเป็นมากที่สุด 3. แนวทางสำหรับครูในการพัฒนาคุณลักษณะเด็กอนุบาลไทยสู่ประชาคมอาเซียนที่สำคัญที่สุดของแต่ละด้าน ได้แก่ การมีสุขภาวะทางกายและใจที่ดีคือ ครูควรจัดสรรเวลาในการดูแลตัวเอง เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการมีสุขภาวะทางกายและใจที่ดี และกระทรวงศึกษาธิการควรจัดทำคู่มือสำหรับครูเกี่ยวกับการเป็นแบบอย่างความเป็นพลเมืองอาเซียนในด้านการดูแลสุขภาวะทางกายและใจที่ดี การสนับสนุนการปฏิสัมพันธ์ที่เป็นมิตรไมตรีคือ ครูควรปรับเปลี่ยนวิธีการสอนโดยจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นมิตรไมตรีต่อกัน และผู้บริหารควรพัฒนาครูให้มีความรู้ความเข้าใจในการสอนเด็กให้มีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นมิตรไมตรีต่อกัน การสร้างเจตคติที่ดีต่อการเป็นอาเซียนคือ การปรับเปลี่ยนวิธีการสอนของครูเกี่ยวกับอาเซียน โดยเริ่มจากการให้เด็กเรียนรู้จากเรื่องราวใกล้ตัว จากนั้นจึงสอนเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศในอาเซียน และผู้บริหารโรงเรียนควรกำหนดเรื่องการสร้างเจตคติที่ดีต่อความเป็นพลเมืองอาเซียนไว้ในหลักสูตรสถานศึกษา