Abstract:
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่าการริเริ่มการปรับเปลี่ยนการทำงานและการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจ ทำหน้าที่เป็นตัวแปรส่งผ่านอิทธิพลของกรอบความความคิดที่ยืดหยุ่นที่มีต่อความทุ่มเทในงานหรือไม่ กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานในองค์กรเอกชนที่มีอายุงานในองค์กรปัจจุบันอย่างน้อย 3 เดือน จำนวน 206 คน เครื่องมือในการเก็บข้อมูล ได้แก่ มาตรวัดกรอบความคิดที่ยืดหยุ่น มาตรวัดการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจ มาตรวัดการริเริ่มปรับเปลี่ยนการทำงาน และมาตรวัดความทุ่มเทในงาน และนำมาวิเคราะห์ผลด้วยการวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล (path analysis) ผลการวิเคราะห์พบว่า กรอบความคิดที่ยืดหยุ่นส่งอิทธิพลต่อความทุ่มเทในงาน โดยส่งผ่านการริเริ่มปรับเปลี่ยนการทำงาน และการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยกรอบความคิดที่ยิดหยุ่นมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการริเริ่มปรับเปลี่ยนงาน ซึ่งส่งผลต่อความทุ่มเทในงานโดยตรง และโดยอ้อมโดยผ่านการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจด้วย อย่างไรก็ตาม โมเดลงานวิจัยนี้ยังไม่สอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์มากเพียงพอ จากการพิจารณาข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ผู้วิจัยเห็นว่าควรจะเพิ่มเส้นอิทธิพลทางตรงของกรอบความคิดที่ยืดหยุ่นต่อการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจด้วย โมเดลที่ปรับเปลี่ยนใหม่นี้มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่เก็บรวบรวมมา สุดท้ายผู้วิจัยได้อภิปรายการปรับใช้ผลวิจัยนี้เพื่อการสร้างเสริมความทุ่มเทในงานของพนักงานต่อไป
Description:
โครงงานทางจิตวิทยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2558
A senior project submitted in partial fulfillment of the requirements for the Degree of Bachelor of Science in Psychology, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University, Academic year 2015