Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการติดงาน ความยึดมั่นในงาน และ ความพึงพอใจในชีวิตของพนักงาน โดยมีแรงจูงใจในการทำงานเป็นตัวแปรกำกับ โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็น พนักงานในบริษัทภาคเอกชน ทั้งเพศชายและหญิง จำนวน 219 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 69 คน และเพศหญิง 150 คน โดยมีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 31.90 (SD = 8.57) ปี และมีอายุการทำงานตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป โดยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป มาตรวัดแรงจูงใจในการทำงาน (α = .688) มาตรการติดงาน (α = .704) มาตรวัดความยึดมั่นในงาน (α = .900) และมาตรวัดความพึงพอใจในชีวิต (α = .888) และวิเคราะห์ผลโดยใช้สถิติวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้น ผลการวิจัยพบว่า 1. การติดงานและความยึดมั่นในงานสามารถทำนายความพึงพอใจในชีวิต โดย การติดงานมีความสัมพันธ์ทางลบกับความพึงพอใจในชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (β = -.203, p < .01) และ ความยึดมั่นในงานมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความพึงพอใจในชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (β = .528, p < .01) 2. แรงจูงใจแบบควบคุม (β = -.085, NS) และแรงจูงใจแบบอิสระ (β = .041, NS) ไม่มีบทบาทเป็นตัวแปรกำกับในความสัมพันธ์ระหว่างการติดงานและความยึดมั่นในงานกับความพึงพอใจในชีวิต
Description:
โครงงานทางจิตวิทยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2559
A senior project submitted in partial fulfillment of the requirements for the Degree of Bachelor of Science in Psychology, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University, Academic year 2016