Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความสามารถในการโต้แย้งและความเข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ของนักเรียนก่อนและหลังได้เรียนรู้ด้วยการเรียนการสอนด้วยการให้เหตุผลแบบรวมพลัง และ 2) เปรียบเทียบความสามารถในการโต้แย้งและความเข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์หลังเรียนของนักเรียนที่ได้เรียนรู้ด้วยการเรียนการสอนด้วยการให้เหตุผลแบบรวมพลังกับนักเรียนที่ได้รับการเรียนการสอนแบบทั่วไป โดยดำเนินการตามรูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง ประชากรคือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 37 จังหวัดแพร่ กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 81 คน ประกอบด้วยนักเรียนกลุ่มทดลองจำนวน 41 คนที่ได้เรียนรู้ด้วยการเรียนการสอนด้วยการให้เหตุผลแบบรวมพลัง และ นักเรียนกลุ่มควบคุมจำนวน 40 คนที่ได้เรียนรู้ด้วยการเรียนการสอนแบบทั่วไป การวิจัยดำเนินการในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 เครื่องมือที่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบวัดความสามารถในการโต้แย้งซึ่งพิจารณาใน 3 องค์ประกอบได้แก่ การสร้างข้อโต้แย้ง การสร้างข้อโต้แย้งค้าน และการสร้างข้อคัดค้าน และ แบบวัดความเข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ซึ่งพิจารณาใน 5 มุมมองได้แก่ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เปลี่ยนแปลงได้ ธรรมชาติของการสังเกต บทบาทของจินตนาการ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ และ อิทธิพลของสังคมและวัฒนธรรมที่มีต่อความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลทั้ง 2 ชนิดมีค่าสัมประสิทธ์แอลฟาเท่ากับ 0.78 และ 0.72 ตามลำดับ ทำการทดสอบนักเรียนทั้ง 2 กลุ่มก่อนและหลังการทดลอง วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ด้วยสถิติ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าเฉลี่ยร้อยละ สถิติทดสอบที ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนกลุ่มทดลองมีความสามารถในการโต้แย้งและความเข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 2) นักเรียนกลุ่มทดลองมีความสามารถในการโต้แย้งและความเข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์สูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากผลการวิจัยสามารถสรุปได้ว่าการเรียนการสอนด้วยการให้เหตุผลแบบรวมพลังมีประสิทธิภาพในการพัฒนาความสามารถในการโต้แย้งและความเข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ได้