Abstract:
ศึกษาสภาพและขั้นตอนพื้นฐานของการจัดหลักสูตรท้องถิ่นกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะเรื่อง การทอผ้าลายตาจัก สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในด้านการกำหนดวัตถุประสงค์ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอนและสื่อการเรียนรู้ และการวัดการประเมินผล ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย ครูผู้สอนวิชาศิลปศึกษาด้านทัศนศิลป์ในโรงเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 33 คน ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 33 คน ศึกษานิเทศก์ด้านการนิเทศและติดตามผลกลุ่มสาระศิลปะด้านทัศนศิลป์ และด้านการนิเทศและติดตามผลทางด้านหลักสูตร ในโรงเรียนมัธยมสังกัดสำนักงานการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 11 คน รวมถึงผู้ผลิตผ้าทอลายตาจักเป็นอาชีพ จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ในด้านสภาพปัญหาในการจัดการเรียนการสอนโดยทั่วไป ครูผู้สอนไม่มีประสบการณ์การทอผ้าลายตาจัก และโรงเรียนไม่มีงบประมาณในการสนับสนุนอุปกรณ์การทอผ้า ในด้านความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษามีความเห็นเกี่ยวกับหลักสูตรท้องถิ่นกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ เรื่องการทอผ้าลายตาจัก อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก สรุปผลได้ดังนี้ 1) การกำหนดวัตถุประสงค์ ได้แก่ ศึกษาวิธีการทอผ้าลายตาจักจากปราชญ์ชาวบ้าน ช่างทอผ้าหรือผู้รู้เรื่องการทอผ้าลายตาจักภายในชุมชนและท้องถิ่น รวมทั้งสามารถนำทักษะเทคนิคทางด้านศิลปะเช่นการออกแบบมาใช้ในการตกแต่งผ้าทอลายตาจักของตน พร้อมทั้งนำเสนอผลงานตามแนวคิดของตนเองได้อย่างอิสระ 2) การกำหนดเนื้อหาสาระ ในเรื่องความสำคัญ คุณค่า ประโยชน์และหน้าที่ใช้สอยของผ้าทอลายตาจักที่มีต่อชุมชนในอดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น ด้านสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจและชีวิตประจำวัน เป็นต้น 3) การกำหนดกิจกรรมและสื่อการเรียนรู้ ได้แก่ วิเคราะห์ตัวอย่างผ้าทอลายตาจักทั่วไปและผ้าทอลายตาจักที่คัดสรรแล้ว และ 4) การประเมินผล ผู้เรียนสามารถอธิบายประเภท คุณค่า ประโยชน์หน้าที่ใช้สอยของผ้าทอลายตาจักได้ ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยคือ 1) ควรมีการวิจัยถึงคติความเชื่อที่แฝงอยู่ในการสร้างสรรค์ศิลปะพื้นบ้าน และภูมิปัญญาทางด้านศิลปะประเภทต่างๆ 2) ควรมีการวิจัยถึงความสัมพันธ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่นกับความร่วมมือกันของผู้จัดการศึกษาและบุคคลในชุมชน 3) ควรมีการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรจากภูมิปัญญาท้องถิ่นทางด้านศิลปะ ในทุกระดับการศึกษา 4) ควรมีการวิจัยถึงสภาพปัญหาและแนวทางในการอนุรักษ์ศิลปะท้องถิ่นทั้งในระดับจังหวัดและในระดับชาติ