Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์กรณีศึกษาแนวทางการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดขององค์กรที่ ประสบความสำเร็จเพื่อพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียน และเพื่อศึกษาผลของการใช้รูปแบบการจัด กิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนตามแนวอริยสัจสี่เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตการอยู่ร่วมกันในสังคมของผู้ต้องขังชายในเรือนจำ กลางจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งเพื่อศึกษาปัจจัยและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในการนำรูปแบบกิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนตาม แนวอริยสัจสี่เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตการอยู่ร่วมกันในสังคมไปใช้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยกึ่งทดลองซึ่งได้เลือก องค์กร 3 แห่ง ที่ประสบผลสำเร็จในการบําบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดเพื่อนำกรณีศึกษานั้นมาวิเคราะห์และสังเคราะห์พัฒนาเป็น รูปแบบการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนตามแนวอริยสัจสี่ แล้วได้นำรูปแบบที่พัฒนานี้ไปทดลองใช้กับกลุ่มผู้ต้องขัง ชาย เฉพาะผู้ที่ติดยาเสพติดโดยใช้วิธีสุ่มแบบง่ายด้วยการจับฉลากและเป็นผู้ที่สมัครใจในการเข้าร่วมการจัดกิจกรรมจำนวน 28 คน โดยทดลองกลุ่มเดียวในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลา 11 วัน รวม 116 ชั่วโมง และในระหว่างการทดลองนั้นได้ทดสอบ ด้วยแบบวัดทักษะชีวิต แบบสำรวจความพึงพอใจ แบบประเมินตนเอง แบบบันทึกสังเกตพฤติกรรม ซึ่งเครื่องมือวิจัยดังกล่าวได้ป่าน การตรวจจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อหาความตรง และความเที่ยง โดยมีค่าความเที่ยงคือสัมประสิทธิ์แอลฟาเท่ากับ .9133 และทดสอบผลการทดลองก่อนกับหลังด้วยค่า t-test ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ผลการวิจัยที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้ 1) การศึกษาองค์กรที่พื้นฟูบำบัดรักษา 3 แห่ง ได้ใช้กรอบหรือแนวทางของกระบวนการตามแนวอริยสัจสี่ คือ การศึกษา สภาพปัญหาขั้นทุกข์ คือการติดยาเสพติดในรูปแบบต่างๆ ขั้นสมุทัย คือสาเหตุมาจากปัญหาทางครอบครัวและตนเองเป็นสำคัญ และในการรักษาผู้ติดยาเสพติดนั้นองค์กรได้ตั้งเป้าหมายคือแก้ปัญหาด้วยการให้ลด ละ เลิกได้อย่างถาวรคือขั้นนิโรธ สวนขั้นมรรค นั้นได้จัดทำประวัติแต่ละบุคคล การสอนอาชีพ เล่นกีฬา การอบรมจริยธรรมและให้ผู้ป่วยถือสัจจะเป็นสำคัญ และจัดกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้ถึงเป้าหมายในการแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้กลับมาเสพซ้ำอีก ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่าใช้มรรคมีองค์แปดอันเป็นทางสายกลางอัน เป็นวิธีการให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ 2) การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมตามแนวอริยสัจสี่เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตนั้นได้ผล การวิเคราะห์จากกรณีศึกษาทั้ง 3 องค์กรมาเป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบ โดยกำหนดหลักการ วัตถุประสงค์ แผนกิจกรรมการ เรียนรู้ และวิธีการอบรมเป็นสำคัญ มุ่งให้ผู้เรียนได้รู้และเห็นประโยชน์ทักษะชีวิตอย่างมีคุณค่า และฝึกฝนกิจกรรมตาม กระบวนการนีโอฮิวแมนนิส รวมทั้งจัดเนื้อหากิจกรรมภายใต้กรอบตามแนวอริยสัจสี่ 3) ผลการทดลองใช้รูปแบบกิจกรรมตามแนว อริยสัจสี่ ได้ทำการทดลองกลุ่มผู้ต้องขังชายที่เสพยาเสพติด ผลการทดลอง พบว่า หลังการทดลองมีทักษะชีวิตเพิ่มขึ้นทั้ง 5 ด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 และผู้ต้องขังชายมีความพึงพอใจในระดับมากในทุกๆ กิจกรรมและผลจากการประเมินตนเอง พบว่า ส่วนใหญ่ทำกิจกรรมทุกวัน เช่น การฝึกสมาธิ การผ่อนคลายด้วยคลื่นสมองต่ำ ผลการสังเกตพฤติกรรมของผู้ต้องขังชายในระหว่างจัดกิจกรรม พบว่า มีความร่วมมือและมีความสามัคคีช่วยกันตัดสินใจแก่ปัญหาในกลุ่มอย่างมีเหตุผล กล้าแสดงออก มีความภูมิใจใน การทำงานร่วมกัน รับผิดชอบและมีอารมณ์แบบผ่อนคลาย 4) ปัจจัยและเงื่อนไขเกี่ยวกับการนำรูปแบบการจัดกิจกรรมไปปรับใช้ปัจจัยที่สำคัญคือ ด้านบริหาร ด้านสถานที่ วิทยากร งบประมาณ ความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งการจัดกิจกรรม ที่ส่งเสริมขวัญกำลังใจให้กับผู้ต้องขังเป็นปัจจัยและเงื่อนไขที่สำคัญที่จะทำให้ผู้ติดยาเสพติดปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ให้มีคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว สังคมชุมชนและประเทศชาติมากยิ่งข้น