Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ศึกษาแนวพระราชดำริและพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ส่งผลต่อการธำรงรักษา พัฒนาและถ่ายทอดความรู้ โดยมีวัตถุประสงค์ 4 ข้อ ได้แก่ 1) เพื่อศึกษาถึงแนวทางในการพัฒนาพระราชอาณาจักรในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 2) เพื่อศึกษามูลเหตุปัจจัยเกื้อหนุนที่ส่งผลกระทบต่อแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 3) เพื่อศึกษาถึงแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการธำรงรักษา พัฒนาและการถ่ายทอดความรู้และ 4) เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาและความรู้ในการธำรงรักษาและพัฒนาพระราชอาณาจักรซึ่งสามารถนำแบบอย่างมาใช้ได้ในปัจจุบัน วิธีการศึกษาใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจและแนวพระราชดำริ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศึกษาวิเคราะห์ พระราชนิพนธ์ประเภทต่างๆ ในฐานะสื่อสะท้อนแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน ผลจากการศึกษามีดังนี้ 1. ด้านภูมิหลังทางการศึกษาพบว่า การศึกษาในพระองค์แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงก่อนทรงผนวช ขณะผนวช และขึ้นครองราชย์สมบัติ ทั้งนี้พระองค์ทรงได้รับการศึกษาในแบบจารีตตามประเพณีของขัตติยกุมารจากสมเด็จพระราชบิดา พระอาจารย์ทั้งฝ่ายสงฆ์และฆราวาส และจากการปฏิบัติตามธรรมเนียมราชประเพณี และยังได้รับรู้วิทยาการแบบตะวันตกรวมทั้งภาษาต่างประเทศ นอกจากนั้นยังได้ทรงศึกษาค้นคว้าด้วยพระองค์เองอย่างลุ่มลึกในศาสตร์ที่พระองค์ทรงสนพระทัย ส่งผลทำให้พระองค์มีพระจริยวัตรเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ตลอดพระชนม์ชีพ ส่วนด้านปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อแนวพระราชดำริเมื่อทรงขึ้นครองราชย์แล้วนั้นได้แก่ 1) บริบททางประวัติศาสตร์ทั้งภายในพระราชอาณาจักร ได้แก่ สถานการณ์ช่วยการขึ้นครองราชย์ 2) บริบททางประวัติศาสตร์จากสถานการณ์ภายนอกพระราชอาณาจักร ซึ่งเป็นช่วงแห่งการแพร่ขยายลัทธิการล่าอาณานิคมของมหาอำนาจทางตะวันตก 2. ในการใช้ความรู้เพื่อรักษาความมั่นคงของพระราชอาณาจักรและพัฒนาให้ก้าวหน้าสืบไปนั้น รัชกาลที่ 4 ได้ทรงใช้ทั้งการธำรงรักษาความรู้ดั้งเดิมและการพัฒนาความรู้ใหม่ รวมทั้งถ่ายทอดแนวพระราชดำริในทั้งสองกรณีไปสู่ปวงชน ความรู้ส่วนที่ได้รับการธำรงรักษาได้แก่คติความเชื่อดั้งเดิม เช่น หลักธรรมทางศาสนา (พุทธและพราหมณ์) และจารีตธรรมเนียมประเพณีสำหรับพระมหากษัตริย์ ขณะเดียวกันก็ทรงสนพระทัยที่จะพัฒนาความรู้ใหม่ เช่น ในด้านอักษรศาสตร์และศิลปวิทยากร เป็นต้น 3. รูปแบบการพัฒนาประเทศทรงใช้การบูรณาการพหุวิทยาการต่างๆ ทั้งแบบจารีตประเพณีไทยและความรู้แบบโลกตะวันตก นำไปสู่การศึกษาแบบองค์รวม โดยพบว่าทรงใช้ "การศึกษา" เป็นเครื่องมือที่สำคัญส่งผลให้พระองค์ทรงมีคุณลักษณะของ "ความเป็นครูต้นแบบ" ที่ใช้กระบวนการถ่ายทอดและการสั่งสอนในรูปแบบที่หลากหลาย ได้แก่ การสั่งสอน การชี้แจงให้ทราบ การตักเตือน การห้ามปราม ตลอดทั้งการลงโทษนับว่าเป็นผลดีต่อการพัฒนาพระราชอาณาจักรและสามารถปรับแนวทางดังกล่าวมาใช้ได้ในปัจจุบัน