Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการประกันคุณภาพภายในที่บูรณาการกับงานปกติสำหรับคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะคือ 1) เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการประกันคุณภาพภายในที่บูรณาการกับงานปกติสำหรับคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ 3) เพื่อพัฒนารูปแบบ (Model) การประกันคุณภาพภายในที่บูรณาการกับงานปกติสำหรับคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ 4) เพื่อทดลองใช้และประเมินรูปแบบการประกันคุณภาพภายในที่พัฒนาขึ้นในด้านอรรถประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม ความถูกต้องและความพึงพอใจของผู้ใช้รูปแบบ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยกลุ่มผู้บริหารหรือบุคลากรที่รับผิดชอบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ประเมินในระดับอุดมศึกษารวมทั้งสิ้น 400 คนโดยมีการทดลองใช้รูปแบบที่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยแบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม และแบบประเมิน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา การใช้สถิติเชิงบรรยายและการวิเคราะห์วิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis) โดยใช้โปรแกรม LISREL ผลการวิจัยที่สำคัญมีดังนี้ 1) ผลการสังเคราะห์แนวปฏิบัติที่ดีในการดำเนินงานประกันคุณภาพภายในของแต่ละมหาวิทยาลัยมีจุดร่วมกันที่สำคัญที่ทำให้การดำเนินงานประกันคุณภาพมีประสิทธิภาพนั้นได้แก่ การมีบริบทองค์กรที่ผู้บริหารมีความเอาใจใส่ มีความมุ่งมั่นและเห็นความสำคัญของการประกันคุณภาพ การมีบุคลากรที่มีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักในการดำเนินงานที่เน้นคุณภาพเป็นสำคัญ การมีส่วนร่วมของสมาชิกองค์กรทุกภาคส่วน การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและการมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดการกับระบบฐานข้อมูลต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวก รวดเร็ว และถูกต้องซึ่งช่วยให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและช่วยให้การประกันคุณภาพสามารถดำเนินการและบูรณาการกับงานปกติได้ 2)ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการประกันคุณภาพภายในที่บูรณาการกับงานปกติประกอบด้วย ปัจจัย 5 ด้านได้แก่ ปัจจัยด้านบริบทองค์กร ปัจจัยด้านผู้บริหาร ปัจจัยด้านคุณลักษณะของบุคลากร ปัจจัยด้านระบบฐานข้อมูล และปัจจัยด้านการสื่อสารภายในองค์กร โดยปัจจัยด้านระบบฐานข้อมูล ปัจจัยด้านผู้บริหารและการสื่อสารในองค์กรมีอิทธิพลทางตรงต่อการประกันคุณภาพภายในที่บูรณาการกับงานปกติมากที่สุดตามลำดับ 3) ผลการทดลองใช้รูปแบบพบว่าหลังจากทดลองใช้มีค่าเฉลี่ยของความพึงพอใจต่อปัจจัยและรูปแบบที่พัฒนาเพิ่มขึ้นในทุกปัจจัย และผลการประเมินรูปแบบตามมาตรฐานการประเมินด้านอรรถประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม ความถูกต้องและความพึงพอใจของผู้ใช้รูปแบบมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากในทุกมาตรฐานการประเมิน