Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของรูปแบบการนำเสนอภาพและข้อความในบทเรียนบนเว็บ เรื่อง พืช ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีรูปแบบการคิด ต่างกันกลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงรียนราชวินิต มัธยม กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มาโดยการให้นักเรียนทั้งหมดทำแบบทดสอบเดอะกรุ๊ป เอมเบดเดดฟิกเกอร์เทสท์(The Group Embedded Figures Test :GEFT) ของโอลท์แมนแรสกินและวิทกิน เพื่อแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มฟิลด์ อิรดิเพนเดนซ์ (Field Indipendence : Fl) และกลุ่มฟิลด์ ดิเพนเดนซ์ (Field Dependence : FD) มากลุ่มละ 45 คน จนได้กลุ่มที่ใช้ในการ ทดลองจำนวนทั้งสิ้น 90 คน แล้วจึงแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มทดลอง กลุ่มละ 15 คน ดังนี้ 1) นักเรียนที่มีรูปแบบการคิดแบบ FI เรียนบทเรียนบนเว็บที่มีรูปแบบการนำเสนอภาพทีละภาพและข้อความทั้งหมด 2) นักเรียนที่มีรูปแบบการคิดแบบ FI เรียนบทเรียนบนเว็บที่มีรูปแบบการนำเสนอภาพทั้งหมดและข้อความทีละส่วน 3) นักเรียนที่มีรูปแบบการคิดแบบ FI เรียนบทเรียนบนเว็บที่มีรูปแบบการนำเสนอภาพและข้อความพร้อมกันทั้งหมด 4) นักเรียนที่มีรูปแบบการคิดแบบ FD เรียนบทเรียนบนเว็บที่มีรูปแบบการนำเสนอภาพทีละภาพและข้อความทั้งหมด 5) นักเรียนที่มีรูปแบบการคิดแบบ FD เรียนบทเรียนบนเว็บที่มีรูปแบบการนำเสนอภาพทั้งหมดและข้อความทีละส่วน 6) นักเรียนที่มีรูปแบบการคิดแบบ FD เรียนบทเรียนบนเว็บที่มีรูปแบบการนำเสนอภาพและข้อความพร้อมกันทั้งหมดนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ความแปรปรวนลองทาง (Two-Way ANOVA) ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บเรื่อง พืช ที่มีรูปแบบการนำเสนอภาพและข้อความที่ต่างกันมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจำไม่แตกต่างกัน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 2. นักเรียนที่มีรูปแบบการคิดต่างกัน เมื่อเรียนด้วยบทเรียนบนเว็บเรื่อง พืช มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจำแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3. นักเรียนที่มีรูปแบบการคิดต่างกันเมื่อเรียนด้วยบทเรียนบนเว็บเรื่อง พืช ที่มีรูปแบบการนำเสนอภาพและข้อความต่างกันไม่มีผลร่วมกันต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจำที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05