Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนารูปแบบการฝึกอบรมเพื่อการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเครือข่าย ขององค์กรธุรกิจเอกชน ภาคบริการวิชาชีพบัญชี จำนวน 2 รูปแบบ คือ รูปแบบกลุ่มเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารองค์กร และกลุ่มบุคลากร (2) ประเมินผล การเรียนรู้ ทัศนคติ ทักษะการปฏิบัติงาน (3) ประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการฝึกอบรม วิธีดำเนินการวิจัย (1) พัฒนารูปแบบการฝึกอบรม จำนวน 2 รูปแบบ พร้อม หาฉันทานุมิติของรูปแบบการฝึกอบรม ด้วย เทคนิคเดลฟาย จากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 18 คน และตรวจสอบคุณภาพ และความเป็นไปได้ของรูปแบบการฝึกอบรม โดย กลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 คน (2) นำรูปแบบการฝึกอบรมไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารองค์กร จำนวน 21 คน และกลุ่มตัวอย่างบุคลากร จำนวน 24 คน พร้อมทั้ง ประเมิน การเรียนรู้ ทัศนคติ ทักษะการปฏิบัติงาน และความคิดเหินที่มิต่อการฝึกอบรม ด้วย แบบประเมินคุณลักษณะการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเครือข่ายที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้ว และแบบแสดงความคิดเหินหลังการฝึกอบรม (3) ประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการ ฝึกอบรม โดย ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 คน ร่วมวิเคราะห์ประเมินความเหมาะสม ผลการวิจัย 1. รูปแบบการฝึกอบรม เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเครือข่าย ของ องค์กรธุรกิจเอกชน ภาคบริการวิชาชีพบัญชี มีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ (1) วัตถุประสงค์ของหลักสูตร เพื่อพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกันและเป็นจุดเริ่มในการสร้างเครือข่ายอย่างไม่เป็นทางการ (2) โครงสร้างของหลักสูตร เพื่อจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ (3) เนื้อหาและกิจกรรมเนื้อหา ได้แก่ แนวคิด การทำงานร่วมกัน หลักการสร้างเครือข่าย และแนวคิดความเป็นผู้นำการพัฒนาเครือข่าย และกิจกรรมมีส่วนร่วมของกลุ่ม (4) วิทยากรและอุปกรณ์ ชัดเจน ถูกต้อง ทันสมัย (5) เกณฑ์ประเมินผล แสดงให้เห็น กลุ่มตัวอย่างเกิดการ เรียนรู้ มีทักษะการปฏิบัติงาน และทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ วิธีดำเนินการฝึกอบรม ได้แก่ (1) ก่อนการฝึกอบรม เป็นการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ตารางเวลา สถานที่อุปกรณ์ที่ใช้ (2) กระบวนการฝึกอบรม เป็นการปฐมนิเทศ แนะนำวิธีการฝึกอบรม นำเสนอเนื้อหา และปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ (3) หลังการฝึกอบรม เป็นการประเมิน การเรียนรู้ ทัศนคติ ทักษะการปฏิบัติงาน และความ
คิดเห็นที่มีต่อการฝึกอบรม ทั้งนี้ การหาฉันทานุมัติที่มีต่อรูปแบบการฝึกอบรมด้วยเทคนิคเดลฟาย จากผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ มีความสอดคล้องกับการตรวจสอบคุณภาพ และความเป็นไปได้ ของรูปแบบการฝึกอบรม จากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ 2. การนำรูปแบบการฝึกอบรมไปใช้ และการประเมินผล การเรียนรู้ ทัศนคติ และทักษะการปฏิบัติงาน ของกลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่ม พบว่า กลุ่มตัวอย่าง มีผลการเรียนรู้เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเครือข่าย ทัศนคติ และทักษะการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นเห็นอย่างชัดเจน โดยคะแนนเฉลี่ยจากแบบประเมินคุณลักษณะการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเครือข่าย หลังการฝึกอบรมสูงกว่า คะแนนเฉลี่ยก่อนการฝึกอบรม อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 3. การประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการฝึกอบรม กลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเห็นว่า รูปแบบการฝึกอบรม มีความเหมาะสม และให้ข้อเสนอแนะว่า (1) ควรประชาสัมพันธ์ถึงประโยชน์ที่ได้รับเพื่อสร้างความมั่นใจแก่สมาชิกและก่อให้เกิดครามร่วมมืออย่างแท้จริง (2) เพิ่มเนื้อหาเทคนิคการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจสำหรับกลุ่มเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารองค์กรและเพิ่มเนื้อหาเทคนิคการใช้ข้อมูลสารสนเทศให้เกิดประโยชน์สำหรับกลุ่มบุคลากร (3) ควรจะเพิ่มกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ และสันทนาการด้านการสร้างความสามัคคีให้กับสมาชิก (4) มอบประกาศนียบัตรให้ ผู้ผ่านการฝึกอบรม (5) ควรนำเสนอ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นหลักสูตรฝึกอบรมความรู้ทางวิชาชีพต่อเนื่องด้านอื่น ตามพระราชบัญญัติการบัญชี 2543 มาตรา 7 (6)