Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดการเรียนการสอนวิชาศิลปวิจารณ์ ในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่อาจารย์ผู้สอนวิชาศิลปวิจารณ์ จำนวน 7 คน นักศึกษาผู้เรียนวิชาศิลปวิจารณ์จำน วน270 คนและผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวิจารณ์ จำนวน 6 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามสำหรับอาจารย์ผู้สอน แบบสอบถามสำหรับผู้เรียนวิชาศิลปวิจารณ์แบบประเมินค่าและแบบปลายเปิด และแบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าความถี่ ผลการวิจัยพบว่าความคิดเห็นของอาจารย์ผู้สอน นักศึกษา และผู้เชี่ยวชาญมีดังนี้ อาจารย์ผู้สอนมีความคิดเห็นในขั้นเตรียมการสอนทุกด้านอยู่ในระดับมาก ขั้นดำเนินการสอน ด้านหลักสูตร ด้านเนื้อหาวิชา และด้านกิจกรรมการเรียนการสอนอยู่ในระดับมาก ส่วนความคิดเห็นในด้านสื่อการสอน และด้านประเมินผลอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าความคิดเห็นที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือการใช้เนื้อหาในการสอนที่มีความสัมพันธ์กับวิชาสุนทรียศาสตร์ ผู้เรียนมีความคิดเห็นในด้านก่อนทำการสอน เนื้อหา และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติกิจกรรมอยู่ในระดับมาก ส่วนด้านวิธีสอน การใช้สื่อประกอบการสอน และการประเมินผลการสอนอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าความคิดเห็นที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือให้เห็นหรือรับรู้งานศิลปะหลาย ๆ รูปแบบ และสามารถวิจารณ์เดยบรรยายถึงเรื่องราวหรือเนื้อหาสาระที่ปรากฏในผลงาน ผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความเห็นว่าวิชาศิลปวิจารณ์มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาเพราะเป็นวิชาที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพเชิงวิเคราะห์ไห้แก่ผู้เรียนเป็นอย่างสูง วัตถุประสงค์ของการสอนศิลปวิจารณ์คือเพื่อให้ผู้เรียนสามารถพิจารณางานศิลปะในเบื้องต้นได้ หลักในการสอนคือควรดำเนินการสอนอย่างมีหลักเกณฑ์และทฤษฎี เนื้อหาในการสอนควรให้เกี่ยวพันกับวิชาสุนทรียศาสตร์มากที่สุด กิจกรรมการเรียนการสอนควรเน้นการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น วิธีสอนควรให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สื่อที่ควรนำมาใช้คือผลงานจริงและบทวิจารณ์ และควรประเมินผลโดยเน้นความรู้ในเนื้อหาและทฤษฎีเป็นหลัก นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังเห็นว่าวิชาศิลปวิจารณ์ควรจัดเป็นวิชาบังคับให้แก่ผู้เรียนในทุกสาขาวิชาทางด้านศิลปะ แนวโน้มของการเรียนการสอนศิลปวิจารณ์ในอนาคตจะยังดำเนินไปอย่างยากลำบากดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งยังได้เสนอแนะว่าควรนำความรู้ในศาสตร์สาขาอื่นมาใช้ในการเรียนการสอนในรายวิชานี้ด้วย