Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1 ) ศึกษาสภาพการแก้ปัญหาในการทำวิจัยของนิสิตบัณฑิตศึกษา 2) เพื่อเปรียบเทียบรูปแบบชีวิตและรูปแบบการเรียนรู้ของนิสิตบัณฑิตศึกษาทั้ง 4 สาขาวิชา ประกอบด้วย สาขาวิชาสังคมศาสตร์ สาขาวิชาสังคมศาสตร์ (ครุศาสตร์) สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ 3) ตรวจสอบความตรงของโมเดล และ 4) ทดสอบความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลระหว่างนิสิตทั้ง 4 สาขาวิชา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นิสิตระดับปริญญามหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 428 คน ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยตัวแปรแฝง 6 ตัวแปรคือ สภาพการแก้ปัญหาในการทำวิจัย อนุทิน เวลาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนบทบาทอาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัยรูปแบบชีวิต และรูปแบบการเรียนรู้ และตัวแปรสังเกตได้ 25 ตัวแปรซึ่งใช้วัดตัวแปรแฝงทั้ง 6 ตัวแปร การรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถามมีความเที่ยงแต่ละตอน 0.70 - 0.87 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์ถดถอย การวิเคราะห์ความแปรปรวนตัวแปรพหุนาม และการวิเคราะห์โมเดลลิสเรล ผลการวิจัยที่สำคัญสรุปได้ดังนี้ 1.ปัญหาที่พบในการทำวิจัยมากที่สุด คือปัญหาด้านการหาหัวข้อในการทำวิจัย ปัญหาที่พบน้อยที่สุดคือ ปัญหาด้านความรู้ความสามารถในเรื่องระเบียบวิธีวิจัย ส่วนด้านการแก้ปัญหาในการทำวิจัย นิสิตสามารถแก้ปัญหาด้านการหาหัวข้อวิจัยได้มากที่สุด 2.นิสิตสาขาวิชาสังคมศาสตร์ (ครุศาสตร์) มีค่าเฉลี่ยตัวแปรรูปแบบชีวิตด้านการใส่ใจเรื่องสุขภาพ, ครอบครัว และการทำงาน สูงกว่านิสิตสาขาวิชาสังคมศาสตร์อื่น ๆ ส่วนนิสิตสาขาวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ เน้นความสำคัญของครอบครัวมากกว่านิสิตสาขาวิชาสังคมศาสตร์ และนิสิตสาขาสังคมศาสตร์ (ครุศาสตร์) มีระดับการเรียนแบบอิสระ แบบพึ่งพา และแบบมีส่วนร่วม มากกว่านิสิตสาขาอื่น 3. โมเดลเชิงสาเหตุแบบอิทธิพลย้อนกลับของสภาพการแก้ปัญหาในการทำวิจัยของนิสิต บัณฑิตศึกษามีความตรงสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยบทบาทอาจารย์ที่ปรึกษา รูปแบบชีวิต รูปแบบการเรียนรู้มีความสัมพันธ์สูง และ มีอิทธิพลทางตรงอย่างมีนัยสำคัญต่ออนุทินเวลาซึ่งได้รับอิทธิพลจากสภาพการแก้ปัญหาในการทำวิจัย 4. โมเดลเชิงสาเหตุแบบอิทธิพลย้อนกลับของสภาพการแก้ปัญหาในการทำวิจัยของนิสิต บัณฑิตศึกษาทั้ง 4 สาขาวิชา มีรูปแบบของโมเดลเหมือนกัน แต่มีค่านํ้าหนักองค์ประกอบในการวัดตัวแปรแฝง ค่าอิทธิพลจากตัวแปรแฝงรูปแบบชีวิต รูปแบบการเรียนรู้และบทบาทอาจารย์ที่ปรึกษาที่มีต่อสภาพการแก้ปัญหา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างกัน