Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการสะท้อนตนด้วยมิตรวิพากษ์และการประเมินหลายทางบนสื่อสังคมออนไลน์ที่มีต่อการเห็นคุณค่าในตนเองและความสามารถในการพูดนำเสนอทางวิชาการของนิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยมีขั้นตอนการดำเนินการวิจัย 5 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาและสังเคราะห์เนื้อหาเอกสาร งานวิจัย บทความวิชาการ และประเมินความต้องการจำเป็น ขั้นตอนที่ 2 สัมภาษณ์ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับองค์ประกอบ และขั้นตอนของรูปแบบ ขั้นตอนที่ 3 สร้างรูปแบบการสะท้อนตนด้วยมิตรวิพากษ์และการประเมินหลายทางบนสื่อสังคมออนไลน์ที่มีต่อการเห็นคุณค่าในตนเองและความสามารถในการพูดนำเสนอทางวิชาการของนิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ขั้นตอนที่ 4 ศึกษาผลการใช้รูปแบบใช้เวลาดำเนินกิจกรรม 11 สัปดาห์ โดยในสัปดาห์ที่ 1 เป็นการทดสอบก่อนเริ่มดำเนินกิจกรรม สัปดาห์ที่ 2-7 เป็นการเตรียมพร้อมก่อนการพูดนำเสนอทางวิชาการ และสัปดาห์ที่ 8-11 เป็นกิจกรรมการพูดนำเสนอทางวิชาการ และขั้นตอนที่ 5 นำเสนอรูปแบบที่พัฒนาขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ บันทึกสะท้อนตน แบบประเมินการพูดนำเสนอทางวิชาการ แบบวัดการเห็นคุณค่าในตนเอง แบบวัดความเป็นมิตรวิพากษ์ และแบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นิสิตที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชาประเด็นและแนวโน้มเทคโนโลยีการศึกษา ภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา 2558 คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวนทั้งสิ้น 37 คน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test Dependent และการวิเคราะห์ค่าสหสัมพันธ์
ผลการวิจัยพบว่า
1. องค์ประกอบของรูปแบบการสะท้อนตนด้วยมิตรวิพากษ์และการประเมินหลายทางบนสื่อสังคมออนไลน์ที่มีต่อการเห็นคุณค่าในตนเองและความสามารถในการพูดนำเสนอทางวิชาการของนิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบ คือ 1) บุคคล 2) เนื้อหาสาระความรู้ 3) เทคโนโลยีและเครื่องมือการเรียนรู้ และ 4) การประเมินผล
2. ขั้นตอนของรูปแบบที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นการให้กำลังใจตนเอง ใช้วิธีการสะท้อนตนระบุปัญหาและวิเคราะห์สาเหตุ 2) ขั้นการเสริมแรงด้วยภาษาเชิงบวก ใช้วิธีการประเมินมิตรวิพากษ์ 3) ขั้นการผนวกคำชมเชยจากผู้อื่น ใช้วิธีการประเมินหลายทาง 4) ขั้นการสรุปคิดตรงใจ ใช้วิธีการเร่งฟื้นความสำเร็จให้กับตนเอง
3. กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนการเห็นคุณค่าในตนเองหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 มีคะแนนความเป็นมิตรวิพากษ์หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีคะแนนการพูดนำเสนอทางวิชาการหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05