Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคม ระหว่างผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษกับนักเรียนทั่วไปในโรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) ศึกษาปัจจัยนำเข้าสำหรับการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษและระบบช่วยเหลือผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษในโรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ 3) วิเคราะห์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษในโรงเรียนอันเนื่องมาจากภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคม ปัจจัยนำเข้าสำหรับการจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ และระบบช่วยเหลือผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน การวิจัยนี้เก็บรวบรวมข้อมูลจาก 2 แหล่งประกอบด้วย 1) ข้อมูลปฐมภูมิจากโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 และ 2 ทั้งหมด 43 โรงเรียน 2) แหล่งข้อมูลทุติยภูมิโดยใช้ฐานข้อมูลของผู้สอบ O-NET รายบุคคล ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ศึกษาในโรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2560 ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้คือ โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 และ 2 จำนวน 39 โรงเรียน และนักเรียนจำนวน 11,534 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติบรรยาย การวิเคราะห์กลุ่มแฝง (latent class analysis) และการวิเคราะห์ความเหลื่อมล้ำ (Inequality Index) ด้วยโปรแกรม R ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1) ภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษกับนักเรียนทั่วไปไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ .05 (ꭓ2df = 2 = 2.408, p = 0.300) 2) ผลการศึกษาปัจจัยนำเข้าของการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ ด้านความเพียงพอและคุณภาพครู พบว่าอัตราส่วนระหว่างจำนวนผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษต่อจำนวนครูที่รับผิดชอบงานการศึกษาพิเศษในโรงเรียน มีค่าเท่ากับ 3.77 (SD = 5.27) ค่าเฉลี่ยร้อยละของครูการศึกษาพิเศษเมื่อเปรียบเทียบกับครูที่รับผิดชอบงานการศึกษาพิเศษในโรงเรียนมีค่าเท่ากับ 16.89 (SD = 30.97) จะเห็นว่าโรงเรียนส่วนใหญ่มีครูที่รับผิดชอบงานการศึกษาพิเศษที่เพียงพอต่อความต้องการ แต่อย่างไรก็ตามครูที่รับผิดชอบงานการศึกษาพิเศษของโรงเรียนดังกล่าวนั้นมีส่วนน้อยที่มีวุฒิการศึกษาพิเศษโดยตรงซึ่งสะท้อนความขาดแคลนคุณภาพของปัจจัยนำเข้าด้านบุคลากรครูที่รับผิดชอบงานการศึกษาพิเศษของโรงเรียน นอกจากนี้ยังพบว่าสิ่งอำนวยความสะดวกและวัสดุในการผลิตสื่อของผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษไม่เพียงพอ สื่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูและอุปกรณ์นันทนาการเพียงพอระดับน้อย ด้านระบบช่วยเหลือผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษมีผลการประเมินดังนี้ ด้านการวางแผนการจัดการศึกษา (plan), การปฏิบัติแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (do) และ ด้านการวิเคราะห์และการตรวจสอบผลการจัดการเรียนรู้ (check) ปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่ ส่วนด้านการปรับปรุงแผนและการปฏิบัติงาน (act) ปฏิบัติเป็นบางครั้ง 3) ผลการวิเคราะห์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ พบว่า โรงเรียนในสพม.1 ( Aԑ = 0.22) มีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ มากกว่าโรงเรียนในสพม.2 ( Aԑ = 0.13) และเมื่อจำแนกตามขนาดโรงเรียน พบว่าโรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็ก ( Aԑ = 0.18) มีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ มากที่สุด รองลงมาคือโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ ( Aԑ = 0.17) และโรงเรียนขนาดใหญ่ ( Aԑ = 0.04) ตามลำดับ