Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพมาตรวัดคุณค่าความดีเพื่อประเมินโครงการโตไปไม่โกงที่มีการปรับแก้ค่าคะแนนโดยใช้วิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์ 2) เพื่อวิเคราะห์คะแนนคุณค่าความดีของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงที่มีการปรับแก้ค่าคะแนนโดยใช้วิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์ 3) เพื่อพัฒนาเกณฑ์การประเมินคุณค่าความดีเพื่อประเมินโครงการโตไปไม่โกงที่มีการปรับแก้ค่าคะแนนโดยใช้วิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์ 4) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนคุณค่าความดีระหว่างนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงและนักเรียนที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกง 5) เพื่อพัฒนาโปรแกรมและคู่มือการใช้การปรับแก้ค่าคะแนนโดยใช้วิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในกรุงเทพมหานคร ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 2,280 คนได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอนและคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจากคะแนนการตอบตามความปรารถนาของสังคม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ มาตรวัดการตอบตามความปรารถนาของสังคมและแบบประเมินตัวบ่งชี้พฤติกรรมคุณค่าความดีของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย วิเคราะห์ความตรงเชิงโครงสร้างด้วยวิธีวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน วิเคราะห์คุณภาพของเครื่องมือด้านความเที่ยงโดยใช้สัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ผลการวิจัยพบว่า 1.มาตรวัดคุณค่าความดีแบบแองเคอร์ริง วินเยตต์ มี 3 ระดับ จำนวน 15 วินเยตต์ 5 ตัวบ่งชี้ มีความตรงอยู่ในช่วงระหว่าง 0.71 - 1.00 ผลการตรวจสอบความเป็นลำดับของวินเยตต์ด้วยโปรแกรม R พบว่า มีความเป็นลำดับของวินเยตต์ โดยไม่พบความผกผันระหว่างลำดับของข้อคำถามในแต่ละชุดข้อคำถาม มาตรวัดคุณค่าความดีแบบมาตรประมาณค่า หลังการปรับแก้ค่าคะแนนด้วยวิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์มีความเที่ยงเท่ากับ 0.910 แต่ละตัวบ่งชี้อยู่ระหว่าง 0.718 ถึง 0.882 คุณภาพเครื่องมือด้านความตรงเชิงโครงสร้างด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน พบว่า โมเดลการวัดคุณค่าความดีของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงหลังปรับแก้ค่าคะแนนด้วยวิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์ที่พัฒนาขึ้นมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์มากกว่าโมเดลการวัดคุณค่าความดีของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงก่อนปรับแก้ค่าคะแนนด้วยวิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์ โดยโมเดลการวัดคุณค่าความดีของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงหลังปรับแก้ค่าคะแนนด้วยวิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์มีค่า chi-square= 17.378, df=18, p=0.369, GFI=0.999, AGFI=0.992, RMR=0.005, RMSEA =0.006 ในขณะที่โมเดลการวัดคุณค่าความดีของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงก่อนปรับแก้ค่าคะแนนด้วยวิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์มีค่า chi-square= 12.665, df=13, p=0.474, GFI=0.999, AGFI=0.992, RMR=0.005, RMSEA=0.006 ตัวบ่งชี้ในโมเดลการวัดคุณค่าความดีของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงหลังปรับแก้ค่าคะแนนด้วยวิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์สามารถอธิบายความแปรปรวนคุณค่าความดีได้ร้อยละ 74.8-92.5 ซึ่งสูงกว่าโมเดลการวัดคุณค่าความดีของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงก่อนปรับแก้ค่าคะแนนด้วยวิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์มีค่าเท่ากับร้อยละ 64.5-89.0 2. เกณฑ์การประเมินคุณค่าความดีในแต่ละตัวบ่งชี้จากการวิเคราะห์ด้วยโปรแกรม ConQuest พบว่า แบ่งนักเรียนออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีคะแนนเฉลี่ยคุณค่าความดีระดับสูงกว่าจุดตัดในแต่ละตัวบ่งชี้ (ผ่านเกณฑ์)และกลุ่มที่มีคะแนนเฉลี่ยคุณค่าความดีระดับต่ำกว่าหรือเท่ากับจุดตัดในแต่ละตัวบ่งชี้ (ไม่ผ่านเกณฑ์) โดยจุดตัดของคะแนนแต่ละตัวบ่งชี้ คือ ความซื่อสัตย์สุจริต มีจุดตัด (theta)=0.31 เทียบได้กับ 31.51 คะแนน, การมีจิตสาธารณะมีจุดตัด (theta)= 0.02 เทียบได้กับ 34.92 คะแนน, ความเป็นธรรมทางสังคมมีจุดตัด(theta)= -0.18 เทียบได้กับ 34.40 คะแนน ,การกระทำอย่างรับผิดชอบ มีจุดตัด (theta)= 0.17 เทียบได้กับ 33.91 คะแนน, และการเป็นอยู่อย่างพอเพียงมีจุดตัด(theta)= -0.31 เทียบได้กับ 38.59 คะแนน 3. ผลการเปรียบเทียบคะแนนคุณค่าความดีระหว่างนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงและนักเรียนที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกง พบว่า ก่อนปรับแก้ค่าคะแนนคุณค่าความดีนักเรียนทั้ง 2 กลุ่มมีคะแนนเฉลี่ยไม่แตกต่างกัน แต่หลังปรับแก้ค่าคะแนน พบว่านักเรียนที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงมีคะแนนคุณค่าความดีสูงกว่านักเรียนที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงมีคะแนนเฉลี่ยคุณค่าความดีและ 2 ตัวบ่งชี้ คือ ความซื่อสัตย์สุจริต และการเป็นอยู่อย่างพอเพียงหลังปรับค่าคะแนนสูงกว่านักเรียนกลุ่มที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการโตไปไม่โกงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้น 3 ตัวบ่งชี้ คือ การมีจิตสาธารณะ ความเป็นธรรมทางสังคม และการกระทำอย่างรับผิดชอบที่มีคะแนนเฉลี่ยของทั้ง 2 กลุ่มที่ไม่แตกต่างกัน 4. โปรแกรมและคู่มือการใช้การปรับแก้ค่าคะแนนโดยใช้วิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น คือ คู่มือการปรับแก้ค่าคะแนนโดยใช้วิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์ด้วยโปรแกรม R ซึ่งมีเนื้อหาจำนวน 5 บท คือ บทที่ 1 บทนำ, บทที่ 2 วิธีแองเคอร์ริง วินเยตต์, บทที่ 3 การเตรียมไฟล์เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล, บทที่ 4 การติดตั้งโปรแกรม R และโปรแกรม R Studio, บทที่ 5 ขั้นตอนการวิเคราะห์ด้วยโปรแกรม R Studio