Abstract:
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการจัดการความหมายร่วมกันและแนวคิดการอ่านบทละครเพื่อส่งเสริมความสามารถในการพูดสื่อสารภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้เรียนระดับต้น การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเพื่อใช้ในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน 2) พัฒนารูปแบบการเรียนการสอน 3) ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้น 4) นำเสนอรูปแบบการเรียนการสอนฉบับสมบูรณ์ ตัวอย่างคือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 ศิลป์ภาษาญี่ปุ่น ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จำนวน 11 คน เลือกตัวอย่างแบบเจาะจง ระยะเวลาในการดำเนินการทดลอง 4 วงจร ต่อเนื่อง 16 สัปดาห์ รวม 48 คาบ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบทดสอบความสามารถในการพูดภาษาญี่ปุ่นร่วมกับเกณฑ์การให้คะแนนแบบรูบริคส์ที่พัฒนาขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติทดสอบ Wilcoxon signed - rank test ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้
1. รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นมีหลักการสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) การเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจะเกิดขึ้นดีผ่านการทำความเข้าใจบทละครที่เสมือนจริง ทำให้ผู้เรียนคุ้นเคยกับภาษาและเห็นความเชื่อมโยงระหว่างภาษา ลักษณะการใช้ภาษา และวัฒนธรรมอย่างเป็นรูปธรรม 2) การเรียนรู้ผ่านกระบวนการกลุ่ม จะช่วยส่งเสริมผู้เรียนเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างการทำกิจกรรม จะทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 3) การเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกพูดผ่านการแสดงละคร จะส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้ภาษาที่ถูกต้องตามหลักภาษาและเหมาะสมกับบริบทต่างๆ 4) การเรียนรู้จะเกิดได้ดี หากมีการสะท้อนคิดการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลย้อนกลับ ทำให้รู้จุดแข็งและจุดที่ต้องนำไปพัฒนาต่อไป โดยรูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) รู้ภาษาอย่างเข้าใจ 2) นำภาษาไปฝึกฝน 3) แสดงละครกระตือรือร้น 4) สะท้อนคิดสู่การพัฒนา
2. ประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอน พบว่า คะแนนเฉลี่ยของความสามารถในการพูดสื่อสารภาษาญี่ปุ่นในภาพรวมและจำแนกตามองค์ประกอบหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และความสามารถในการพูดสื่อสารภาษาญี่ปุ่นของนักเรียนมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น