DSpace Repository

แนวทางการจัดการศึกษาเพื่อสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี : กรณีศึกษา โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน : รายงานการวิจัย

Show simple item record

dc.contributor.author ดวงกมล บางชวด
dc.contributor.author อุบลวรรณ หงษ์วิทยากร
dc.contributor.author ปัญญา อัครพุทธพงศ์
dc.contributor.author เปศล ชอบผล
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะครุศาสตร์
dc.date.accessioned 2023-05-29T04:15:29Z
dc.date.available 2023-05-29T04:15:29Z
dc.date.issued 2565
dc.identifier.uri https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/82113
dc.description.abstract งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการคือ 1) เพื่อวิเคราะห์แนวคิด หลักปฏิบัติงานและการจัดการศึกษาเพื่อการสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และ 2) เพื่อนำเสนอแนวทางการจัดการเรียนการสอนเพื่อสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนตาม แนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วิธีที่ใช้ในการวิจัยคือ การศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง การสนทนากลุ่มครูใหญ่ ครู ปราชญ์ ชุมชน ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองและศิษย์เก่าของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนจาก 6 โรงเรียนตำรวจตระเวน ชายแดน และ 2 ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ภาคละ 2 แห่ง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบ สัมภาษณ์ และแบบสนทนากลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า การจัดการศึกษาเป็นภารกิจหนึ่งของตำรวจตระเวนชายแดนที่จัดให้กับเด็กและ เยาวชนในถิ่นทุรกันดารโดยไม่เลือกชาติพันธุ์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพร้อมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อการประกอบอาชีพและพึ่งตนเองได้ ทุกโรงเรียนส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ในรูปแบบที่แตกต่างกัน อาทิ การจัดทำหลักสูตรท้องถิ่น การนำไปบูรณาการกับรายวิชาอื่น หรือการจัดกิจกรรม ในรูปแบบของชมรมโดยมีกองกำกับตำรวจตระเวนชายแดน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนร่วมดำเนินการซึ่งมีเป้าหมายที่แตกต่างกันคือเพื่อให้นักเรียนเรียนรู้และมีส่วนร่วมในประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่น ในขณะที่บางโรงเพื่อให้นำความรู้และทักษะไปต่อยอดสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว การนำเสนอ แนวทางการจัดการศึกษาเพื่อสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนมี 2 แนวทางคือ 1) การจัดการศึกษาแบบ Top-down คือการสั่งการเพื่อจัดระบบการพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง การสร้างขวัญและ กำลังใจให้กับครู มีระบบติดตามการดำเนินงานที่มีเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน การกำหนดเกณฑ์การประเมิน การดำเนินงานโดยอิงจากเกณฑ์ของหลักสูตรแกนกลาง การสร้างความเข้าใจของครูสังกัดอื่นที่มาร่วมสอน การสร้างความเข้าใจเรื่องการขอรับงบประมาณสนับสนุนกิจกรรม และการกำหนดแนวปฏิบัติที่ส่งเสริมความ ตระหนักถึงความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น 2) การจัดการศึกษาแบบ Bottom-up โดยเริ่มจากการรับฟัง ความต้องการของครูด้วยการจัดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้และสรุปองค์ความรู้เพื่อเผยแพร่ การจัดเก็บข้อมูลอย่าง เป็นระบบ การสร้างโอกาสการพัฒนาความรู้ทางการศึกษาของครูในลักษณะของพื้นที่ทดลอง (Sandbox) และ การสะสมหน่วยกิตความรู้จากการทำงาน (Credit bank) การให้ความรู้และลงมือปฏิบัติเรื่องการบูรณาการการ จัดการเรียนการสอนและการเขียนหลักสูตรท้องถิ่น การตั้งชมรมศิษย์เก่า และการจัดทำสื่อสังคมออนไลน์ที่รวม รวมผลิตภัณฑ์ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเพื่อการจัดจำหน่าย en_US
dc.description.sponsorship งานวิจัยนี้ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เงินทุนเฉลิมฉลองสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปี พ.ศ. 2565 en_US
dc.language.iso th en_US
dc.publisher คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.subject โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน -- การบริหาร en_US
dc.subject โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน -- หลักสูตร en_US
dc.subject การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม en_US
dc.title แนวทางการจัดการศึกษาเพื่อสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี : กรณีศึกษา โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน : รายงานการวิจัย en_US
dc.title.alternative Education provision guidelines of the local arts and culture following the thought of Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn : a case study of border patrolpolice schools. en_US
dc.type Technical Report en_US


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record