Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/10777
Title: การพัฒนาโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของความเหนื่อยหน่าย ในการทำวิจัยของนิสิตบัณฑิตศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Other Titles: A development of the causal relationship model of burnout in conducting research of graduate students, Faculty of Education, Chulalongkorn University
Authors: สุธีรา พลรักษ์
Advisors: ทวีวัฒน์ ปิตยานนท์
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย
Advisor's Email: ไม่มีข้อมูล
Subjects: ความเครียด (จิตวิทยา)
ความเหนื่อยหน่าย (จิตวิทยา)
ลิสเรลโมเดล
Issue Date: 2540
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: พัฒนาและตรวจสอบโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ของความเหนื่อยหน่ายในการทำวิจัย ของนิสิตบัณฑิตศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามทฤษฎีความสมดุลย์ระหว่างบุคคลและสิ่งแวดล้อมของ French และคณะ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ นิสิตบัณฑิตศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เข้าศึกษาเมื่อปีการศึกษา 2536-2538 และกำลังศึกษาตามหลักสูตรปริญญาครุศาสตร์มหาบัณฑิต แผน ก (ทำวิทยานิพนธ์) ในภาคการศึกษาปลาย ปีการศึกษา 2539 จาก 11 ภาควิชา จำนวน 395 คน เก็บรวมรวบข้อมูลโดยใช้วิธีการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ อัตราการตอบกลับคิดเป็นร้อยละ 61.77 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS/PC+ ในการหาค่าสถิติพื้นฐาน และใช้โปรแกรมลิสเรล (LISREL VIII) ในการวิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis) ประเภทมีตัวแปรแฝง (latent variable) ผลการวิจัยสรุปได้ว่า โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของความเหนื่อยหน่ายในการทำวิจัย มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ มีค่าไค-สแควร์ เท่ากับ 12.191 ; p=.731 มีองศาอิสระ 16 ค่า GFI เท่ากับ .933 ค่า AGFI เท่ากับ .951 ค่าเศษเหลือในรูปคะแนนมาตรฐานเท่ากับ 2.000 ค่าสัมประสิทธิ์การพยากรณ์ (R Square) เท่ากับ .627 แสดงว่าตัวแปรในโมเดลอธิบายความแปรปรวน ในตัวแปรความเหนื่อยหน่ายในการทำวิจัยได้ร้อยละ 62.7 ตัวแปรที่ให้อิทธิพลรวมต่อความเหนื่อยหน่ายในการทำวิจัยสูงที่สุด อย่างมีนัยสำคัญ คือ ตัวแปรแรงสนับสนุนทางสังคม รองลงมา คือ ตัวแปรความสามารถในการตัดสินใจ ปริมาณและความยากของงาน และความขัดแย้งในบทบาท
Other Abstract: To develop the causal relationship model of burnout in conducting research of graduate students, Faculty of Education, Chulalongkorn University, based on the person-environment fit theory of French et.al. and the literatures. The sample consisted of 395 graduate students who enrolled during the academic year 1993 to 1995 in 11 departments of Faculty of Education, Chulalongkorn University and were conducting research in academic year 1996. Mail questionnaires were employed with 61.77% return rate of response. Data were analyzed by descriptive statistical analyses through SPSS/PC+ and path analysis with latent variables through LISREL version 8.10. The result indicated that the model was consistent with empirical data. Model validation of the best fitted model provided the chi-squire goodness-of-fit test of 12.191 ; p=.731, df=16, GFI=.993, AGFI=.951 and LSR=2.000. This model accounted for 62.7 percent of variance in the research burnout variable. The variables that had significant total effects on research burnout were social support, decision making, work overload and role conflict respectively.
Description: วิทยานิพนธ์ (ค.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2540
Degree Name: ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: วิจัยการศึกษา
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/10777
ISBN: 9746373099
Type: Thesis
Appears in Collections:Grad - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Sutheera_Ph_front.pdf877.41 kBAdobe PDFView/Open
Sutheera_Ph_ch1.pdf957.03 kBAdobe PDFView/Open
Sutheera_Ph_ch2.pdf1.37 MBAdobe PDFView/Open
Sutheera_Ph_ch3.pdf1.03 MBAdobe PDFView/Open
Sutheera_Ph_ch4.pdf1.09 MBAdobe PDFView/Open
Sutheera_Ph_ch5.pdf1.05 MBAdobe PDFView/Open
Sutheera_Ph_back.pdf1.46 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.