Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/17656
Title: | ความสัมพันธ์ระหว่างอะมิโนเทอร์มินัลโปรบีไทป์แนทริยูเรติกเป็ปไทด์ และการลดลงของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ โดยใช้สารเภสัชรังสี 99 เอ็ม เทคนิเซียมเซสตามิบิในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง |
Other Titles: | Correlation between n-terminal pro-b-type natriuretic peptide and 99mTc-sestamibi myocardial perfusion scintigraphic defect in chronic ischemic heart disease patient |
Authors: | วรวุฒิ รุ่งประดับวงศ์ |
Advisors: | สุรพันธ์ สิทธิสุข |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะแพทยศาสตร์ |
Advisor's Email: | Surapun.S@Chula.ac.th |
Subjects: | กล้ามเนื้อหัวใจ -- โรค กรดอะมิโน เปปไทด์ Myocardium -- Diseases Amino acids Peptides |
Issue Date: | 2552 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | ความสำคัญและที่มาของปัญหาการวิจัย เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่สรุปชัดเจนเกี่ยวกับอะมิโนเทอร์มินัลโปรบีไทป์แนทริยูเรติกเป็ปไทด์ (เอ็นทีโปรบีเอ็นพี) ในการนำมาเป็นตัวแสดงถึงภาวะการกระตุ้นให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือความสัมพันธ์กับพื้นที่ของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างผลต่างที่เพิ่มขึ้นของระดับเอ็นทีโปรบีเอ็นพีและพื้นที่การลดลงของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจโดยใช้สารเภสัชรังสีในการทำนายพื้นที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและพยากรณ์โรคในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง วิธีการวิจัย ตรวจระดับเอ็นทีโปรบีเอ็นพีในพลาสมาขณะพักและหลังจากการตรวจการลดลงของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจโดยใช้สารเภสัชรังสี 99 เอ็ม เทคนิเชียมเซสตามิบิทันที ในผู้ป่วยที่สงสัยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ติดต่อกันจำนวน 100 คน โดยใช้ภาพบูลส์อายในการคำนวนพื้นที่การลดลงของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ผลการวิจัย ระดับเอ็นทีโปรบีเอ็นพีขณะพักในผู้ป่วยที่มีการลดลงของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจมีค่าสูงกว่าผู้ป่วยที่ผลปกติอย่างมีนัยสำคัญ (2,291.80 (5.8/35,304.0) พิโคกรัมต่อมิลลิลิตร และ 159.82 (16.3/590.9) พิโคกรัมต่อมิลลิลิตร, p<0.001) ระดับเอ็นทีโปรบีเอ็นพีหลังการตรวจด้วยสารเภสัชรังสีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับค่าขณะพักเฉพาะกลุ่มที่ตรวจด้วยการวิ่งสายพาน (p=0.013) ความสัมพันธ์ระหว่างผลต่างของเอ็นทีโปรบีเอ็นพีและพื้นที่การลดลงของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจชั่วคราวอยู่ในระดับตํ่ามากและไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (r = -0.189, p = 0.120) สรุป ผลต่างของระดับเอ็นทีโปรบีเอ็นพีไม่มีความสัมพันธ์กับภาวะการกระตุ้นให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ระดับเอ็นทีโปรบีเอ็นพีขณะพักที่สูงในผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอาจช่วยเพิ่มแนวโน้มในการวินิจฉัยโรคได้ |
Other Abstract: | BACKGROUND: There is controversy whether NT-proBNP is able to identify stress-induced myocardial ischemia or correlate with ischemic area. OBJECTIVE: To determine correlation between the difference of resting and post stress NT-proBNP (ΔNT-proBNP) and area of nuclear perfusion defect whether it can predict ischemic area and evaluate prognosis of chronic ischemic heart disease patient. METHOD: Plasma NT-pro BNP level was measured before and immediately after 99mTc-sestamibi myocardial perfusion scintigraphy in 100 consecutive patients for suspected ischemic heart disease. Bull’s eye imaging was used to calculate area of perfusion defect. RESULTS: Plasma NT-pro BNP at rest were significantly higher in patients who had myocardial perfusion defects (2,291.80 (5.8/35,304.0) pg/mL vs 159.82 (16.3/590.9) pg/mL, p<0.001). The NT-proBNP levels at rest changed significantly only after exercise stress testing (p=0.013). The correlation between ΔNT-proBNP and reversible perfusion defect was poor and no statistical significant (r = -0.189, p = 0.120) CONCLUSION: ΔNT-proBNP does not correlate well with stress induced myocardial ischemia. The elevation of resting NT-proBNP in patients who suspected ischemic heart disease may represent the tendency to diagnose IHD. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2552 |
Degree Name: | วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | อายุรศาสตร์ |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/17656 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Med - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Voravut_Ru.pdf | 3.34 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.